เมื่อวันที่ 26 พฤษภาคมที่ผ่านมา มีรายงานเหตุความรุนแรงในครอบครัวเกิดขึ้น นางขนิษฐา อายุ 53 ปี ถูกสามีซึ่งมีอายุน้อยกว่า 19 ปี ทำร้ายร่างกายจนได้รับบาดเจ็บ โดยมีรายงานว่าสาเหตุของการลงมือครั้งนี้เกิดจากอาการมึนเมา อย่างไรก็ตาม กระแสวิพากษ์วิจารณ์ได้เกิดขึ้นหลังจากผู้สื่อข่าวในรายการหนึ่งได้อ้างถึงคำพูดของนางขนิษฐา ที่กล่าวว่า “ไม่รู้ว่าสามีเห็นเราสวยแค่ไหน ถึงได้หึงหวงกันขนาดนี้” และหลายสำนักข่าวยังพาดหัวข่าวไปในเชิงว่า ‘สวยเป็นเหตุ’ ด้วยน้ำเสียงที่ไม่ตระหนักถึงความรุนแรงของปัญหาความรุนแรงระหว่างคู่รัก ลดทอนความรุนแรงของเหตุการณ์ให้น้อยลงราวกับเป็นเรื่องที่ตลก ทำให้เกิดกระแสวิจารณ์อย่างรุนแรงในโลกออนไลน์ถึงความเหมาะสมในการกล่าวถึงความรุนแรงในครอบครัว ซึ่งไม่ควรถูกทำให้กลายเป็นเรื่องเล็กน้อยหรือความบันเทิงในสายตาของสังคม
“domestic violence ไม่ใช่เรื่องน่าขำค่ะ”
“มันไม่ใช่เพราะหน้าตาเขา แต่เป็นที่สันดานคนกระทำ พาดหัวไม่ได้สื่อถึงความเห็นอกเห็นใจเพื่อนมนุษย์เลย…”
“เอาความทุกข์ของคนอื่นมาล้อเล่นเนาะ”
ความคิดเห็นจำนวนไม่น้อยต่อประเด็นดังกล่าวสะท้อนออกมาในทิศทางเดียวกัน คือการวิพากษ์วิจารณ์ถึงความไม่เหมาะสมของการรายงานข่าวที่ลดทอนความรุนแรงในครอบครัวให้กลายเป็นเรื่องเบา ๆ หลายเสียงจึงตั้งคำถามถึงความรับผิดชอบของสื่อมวลชนที่ควรทำหน้าที่เป็นกระบอกเสียงให้กับผู้ถูกกระทำ โดยเฉพาะในกรณีที่เกี่ยวข้องกับความรุนแรง ซึ่งเป็นปัญหาสังคม การใช้ถ้อยคำที่ไม่ละเอียดอ่อนต่อความรุนแรง ทั้งในพาดหัวข่าวและเนื้อหา อาจทำให้สาธารณชนมองข้ามความร้ายแรงของเหตุการณ์ และที่สำคัญคือทำให้ผู้ถูกกระทำรู้สึกไม่ได้รับความเห็นใจ ซึ่งจะส่งผลต่อการตัดสินใจดำเนินการต่อในกระบวนการทางกฎหมาย
#DomesticViolence – ความรุนแรงในครอบครัวของสังคมไทยที่เหยื่อส่วนใหญ่คือผู้หญิง
ในปี 2022 องค์การสหประชาชาติได้จัดอันดับให้ประเทศไทยอยู่ในกลุ่ม 1 ใน 10 ประเทศที่มีปัญหาความรุนแรงในครอบครัวสูงที่สุดในโลก โดยเหยื่อส่วนใหญ่มักเป็นผู้หญิงที่มีสถานะเป็นภรรยา และถูกกระทำจากผู้เป็นสามี สถิติจากปี 2016 พบว่ามีผู้หญิงที่ถูกทำร้ายภายในครอบครัวเฉลี่ยถึงวันละ 4 คน และสถิติในช่วงระหว่างปี 2012–2021 จะพบแนวโน้มที่น่าตกใจคือผู้ถูกกระทำความรุนแรงในครอบครัวกว่า 80% เป็นเพศหญิง และในบางปีอัตราดังกล่าวสูงถึง 90.45% ซึ่งชี้ให้เห็นถึงความโหดร้ายของผู้หญิงในบทบาทของภรรยาและแม่บ้านที่ต้องเผชิญ โดยรูปแบบของความรุนแรงที่พบมากที่สุดคือการทำร้ายร่างกายที่เกิดขึ้นระหว่างสามีและภรรยา นอกจากนี้ยังพบว่าในเว็บไซต์ข่าวออนไลน์มีการรายงานข่าวความรุนแรงระหว่างคู่รัก และสามีภรรยาอย่างน้อย 1 ข่าวต่อวัน
ประเทศไทยมีกฎหมายพระราชบัญญัติส่งเสริมการพัฒนาและคุ้มครองสถาบันครอบครัว พ.ศ. 2562 ซึ่งมีเป้าหมายเพื่อจัดการปัญหาความรุนแรงในครอบครัว อย่างไรก็ตาม ตัวบทกฎหมายยังคงมีความซับซ้อน และมุ่งเน้นการลงโทษผู้กระทำมากกว่าการบำบัดฟื้นฟูทั้งผู้กระทำและผู้ถูกกระทำ ในปัจจุบัน จึงมีการเคลื่อนไหวเพื่อผลักดันให้มีการแก้ไขกฎหมายดังกล่าว โดยองค์กร Shero กลุ่มที่เรียกร้องให้กฎหมายฉบับนี้ให้ความสำคัญกับสิทธิและความปลอดภัยของเหยื่อมากขึ้น ทั้งการดำเนินคดี การรับแจ้งเหตุอย่างทันที มาตรการคุ้มครองความปลอดภัย และที่สำคัญการยอมความต้องเป็นประสงค์ของผู้ถูกกระทำเท่านั้น เพื่อแก้ไขปัญหาการไกล่เกลี่ยยอมความที่ผู้ถูกกระทำถูกบีบบังคับและควบคุม
ความรุนแรงระหว่างคู่รักและความรุนแรงในครอบครัวไม่เคยเป็นเพียง ‘เรื่องผัวเมีย’ แต่เป็นความรุนแรงเชิงสังคมที่ทุกคนมีส่วนในการผลิตซ้ำและส่งต่อความรุนแรง การไม่เอาจริงเอาจังต่อความรุนแรงหมายถึงการอนุญาตให้เหตุร้ายเกิดขึ้นซ้ำ ๆ และเป็นการผลักให้เหยื่อต้องกลับไปเผชิญหน้ากับผู้กระทำจนตกอยู่ในวังวนความรุนแรง
#DomesticViolence #ความรุนแรงในครอบครัว
Content by Pitchaya S.
Graphic by frogman
อ้างอิง
Thairath: https://bit.ly/4kuQWzG
ThaiPBS: https://bit.ly/44QyP2M
ChangeDVLaw: https://bit.ly/4kuxwv0
#SPECTRUM #พื้นที่ความคิดของทุกสีสัน
“กรุณาแสดงความเห็นอย่างสุภาพและสร้างสรรค์ ทีมงานสงวนสิทธิ์ในการลบหรือดำเนินการตามสมควร กับความเห็นที่สร้างความเกลียดชัง (hate speech) หรือละเมิดสิทธิของบุคคลอื่น”