“วงการบันเทิงอยู่ยาก” ประโยคนี้คงไม่เกินจริงเท่าไรนัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อคุณเป็นผู้หญิงที่อยู่ท่ามกลางสปอตไลท์และปิตาธิปไตยที่คราบแฝง ทั้งมาตรฐานความงามที่ต้องคอยปรับตัวตาม มายาคติอีกแปดล้านอย่างที่เมื่อคุณไม่สามารถเป็นแบบนั้นได้ ชาวเน็ตอาจไล่รุมประณาม สาปส่ง หรือร้ายแรงสุดก็ไล่ให้ไปตาย
จากรายงานสถานการณ์ถึงการจากไปอย่างสงบของ ‘คิมแซรน’ นักแสดงสาวเจ้าของรอยยิ้มอันแสนสดใสวัย 24 ปี ข่าวนี้ชวนให้ช็อกทั้งแฟนคลับวงการเคป็อปและซีรีส์เกาหลีใต้ไม่น้อย ถึงแม้ว่าสำนักข่าวใหญ่ๆ ของเกาหลีใต้จะรายงานข่าวนี้อย่างระมัดระวัง แต่ในท้ายที่สุดแล้วตำราวจก็สรุปว่า “เธอตัดสินใจจบชีวิตด้วยตัวเองและฆ่าตัวตายโดยไม่พบหลักฐานอื่น และไร้ร่องรอยของการบุกรุกในสถานที่เกิดเหตุ” พร้อมทั้งหลายสื่อพร้อมใจกันรายงานเตือนว่า หากใครมีอาการซึมเศร้า หรือพบเห็นผู้ที่กำลังประสบปัญหานี้ขอให้ขอความช่วยเหลืออย่างเร่งด่วนเพื่อลดความเสี่ยงในการตัดสินใจ
สำหรับคิมแซรน หลายคนอาจจะคุ้นหน้าคุ้นตาเธอเป็นอย่างดีเพราะเธอเข้าวงการบันเทิงตั้งแต่ 9 ขวบและประสบความสำเร็จหลังจากนั้นไม่นานนัก เธอมีผลงานมากมายอย่างภาพยนตร์ A Brand New Life (2009) The Man from Nowhere (2010) จนถึง A Girl At My Door (2014) และผลงานซีรีส์อย่าง Hi! School-Love On (2014) และ Mirror of the Witch (2016) ทั้งหมดทั้งมวลนี้ยิ่งตอกย้ำชื่อเสียงและความสำเร็จในฐานะนักแสดงของเธอเป็นอย่างดี
แต่ถึงอย่างนั้น… ชีวิตส่วนตัวของเธอก็ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบเท่าไรนัก เธอเผชิญความท้าทายตั้งแต่ยังเด็ก ร้ายแรงที่สุดก็ความคาดหวังจากผู้ชมและชาวเน็ตที่คาดหวังให้เธอเป็นเด็กหญิงแซรนผู้น่ารักสดใส หากแต่เมื่อโตขึ้น แน่นอนว่าความไร้เดียงสานั้นอาจเลือนหายไปตามวัยวุฒิ และเธอก็ไม่สามารถเป็นแซรนในแบบที่คนอื่นยัดเยียดภาพลักษณ์ให้ได้อีกต่อไป
แน่นอนว่าบางเรื่องที่แซรนเคยพลาด เช่น เมื่อปี 2022 ที่เมาแล้วขับจนรถของเธอชนเข้ากับหม้อแปลงไฟฟ้า จนส่งผลให้ไฟฟ้าดับและส่งผลกระทบต่อทั้งถนน ร้านค้า และการจราจรติดขัดในช่วงเช้า แต่เหตุการณ์นี้เธอก็รับโทษตามกฎหมาย คือถูกปรับ 20 ล้านวอน และได้รับผลกระทบมากมายจากการถูกถอดชื่อจากงานในวงการบันเทิงทั้งซีรีส์และแบรนด์ต่าง ๆ ซึ่งสำหรับเหตุการณ์นี้ เธอก็เคยขอโทษผ่านการเขียนจดหมายลายมือและโพสต์ในอินสตาแกรมถึงความรู้สึกผิดในการกระทำที่ไม่รอบคอบนี้แล้วเช่นกัน
หลังจากเหตุการณ์นั้นชีวิตเธอเป็นไปอย่างยากลำบาก จนมีกระแสข่าวว่าเธอไปทำงานพาร์ทไทม์ที่คาเฟ่ทั้งที่ในระหว่างนั้นสัญญากับทางต้นสังกัดก็ยังมีอยู่ แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ได้ชดใช้ค่าเสียหายให้ร้านค้าทั้งหมดที่ได้รับผลกระทบจากการเมาแล้วขับครั้งนั้น ซึ่งก็เป็นที่น่าเสียดายที่แทบจะไม่มีสื่อไหนรายงานข่าวนี้อย่างจริงจังเลย และในภายหลังแซรนเสียชีวิตไป ก็มีสื่อออกมารายงานว่าแซรนได้เดินทางไปขอโทษ 57 หลังคาเรือนที่ได้รับผลกระทบด้วยตัวเองแล้ว
เมื่อปีที่แล้ว (2024) แซรนกลับมาตกเป็นเป้าอีกครั้งจากการที่เธอโพสต์ภาพของเธอกับคิมซูฮยอน นักแสดงชายชื่อดัง ซึ่งในขณะนั้นเขาเองก็กำลังได้รับความนิยมอย่างสูงจากซีรีส์ Queen of Tears (2024) และถึงแม้ว่ารูปนั้นจะถูกลบออกอย่างรวดเร็ว แต่นั่นก็ทำให้เธอโดนโจมตีอย่างหนักจากแฟนคลับฝ่ายชาย และถึงแม้ว่าเธอจะมีโอกาสได้เล่นละครเวที Dongchimi ในปีเดียวกัน แต่เธอก็ตัดสินใจถอนตัวด้วยปัญหาทางสุขภาพ จากการโพสต์รูปเพียงรูปเดียว บางส่วนมองว่าเธอตั้งใจจะเกาะกระแสซูฮยอน และหลังจากเธอเสียชีวิตไปแล้ว ยังติติงว่าแม้แต่วันที่เธอเลือกจะจากไปยังเป็นวันเกิดของซูฮยอนที่มีผลงานกำลังดัง
ในช่วงเวลาก่อนที่เธอจะจากไปอย่างสงบ เพื่อนสนิทของแซรนเผยว่าเธอมีช่วงเวลาที่ยากลำบากมหาศาลและเป็นโรคซึมเศร้าขั้นรุนแรง เราเห็นได้ว่าช่วงเวลาแห่งมรสุมเหล่านั้นเต็มไปด้วยหนี้สินจากการถูกยกเลิกสัญญา คำวิพากษ์วิจารณ์ที่จริงบ้างไม่จริงบ้างแต่เต็มไปด้วยความเกลียดชังจากชาวเน็ต และที่จริงเธอได้เตรียมเปลี่ยนชื่อใหม่เป็น ‘คิมอาอิม’ เพื่อเริ่มต้นใหม่ในฐานะนักแสดงอีกครั้งเสียด้วยซ้ำ ก่อนที่เธอจะจากไปตลอดกาล
หลายคนคิดเห็นตรงกันว่าเหตุการณ์นี้ชวนให้ย้อนคิดถึงการจากไปของซ็อลลี (ชเว จินรี) และกูฮาราอยู่ไม่น้อย เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นซ้ำ ๆ ราวกับเป็นวงจรของชีวิตคนดังผู้หญิงในสังคมเกาหลีใต้ พวกเธอที่อยู่ท่ามกลางสปอตไลท์และโดนโจมตีราวกับเป็นเป้านิ่งจากคนที่อคติและเกลียดผู้หญิง ซึ่งถามว่าพวกเธอทำผิดอะไร? หลายครั้งพวกเธอก็แค่ อาจจะไม่ได้เป็นไปตามภาพลักษณ์ที่สื่อและสังคมคาดหวังแต่เพียงเท่านั้น
ในสิ่งที่กล่าวอ้างว่าเป็น ‘คำวิจารณ์’ หรือ ‘ติเพื่อก่อ’ ภายใต้คราบ free speech ที่หลายคนสาปส่ง เราอยากชวนย้อนให้คิดว่ามันคืออคติการเกลียดชังผู้หญิง (misogyny) ที่แฝงตัวเข้ามากับ hate spreech หรือเปล่า? ความน่ากลัวคือปิตาธิปไตยนั้นฝังรากหยั่งลึกอยู่ใต้อคติในใจของผู้คนไปแล้วหรือไม่ แม้กระทั่งกับผู้หญิงเองก็ตาม การเกลียดกลัวหรือรังเกียจผู้หญิงที่แค่ไม่ได้เป็นไปตามที่สังคมคาดหวัง และถูกกระทำซ้ำเมื่อเป็นคนดัง ซึ่งนั่นเป็นกี่ครั้งแล้วที่ชาวเน็ตทำร้ายและทำลายชีวิตคน ๆ หนึ่งทางอ้อม เรื่องน่าเศร้าอีกอย่างหนึ่งคือความเห็นใจมักทำงานในวันที่สายเกินไป ในวันที่พวกเธอจากไปตลอดกาลเช่นนี้แล้ว พวกเธอไม่สามารถกลับมาอธิบายอะไรซ้ำสองได้อีกครั้ง – นี่คือสิ่งที่เราอาจเรียนรู้ได้จากเหตุการณ์นี้
เพื่อป้องกันความสูญเสียที่อาจเกิดขึ้นอีกครั้ง จะดีกว่าไหม? หากเราร่วมกันสร้างสังคมออนไลน์ที่ปลอดภัยและไม่ทำให้ใครตกเป็นเหยื่อจากคำพูดและชายเป็นใหญ่อีก ไม่เพียงแต่กับคนดังเท่านั้น กับคนรอบข้างเราเองก็เหมือนกัน เพราะสภาวะความมั่นคงของแต่ละคนไม่เหมือนกัน และโลกอาจจะน่าอยู่ขึ้นหากเราใจดีต่อกันมากกว่านี้
#KimSaeron #Misogyny #Hatespeech #คิมแซรน #ปิตาธิปไตย #เกาหลีใต้
Content by Rosalyn J.
อ้างอิง
South China Morning Post: https://bit.ly/3EFiHG9
The Sunny Town: https://bit.ly/4b4n7CB
SBS News: https://bit.ly/416jWWJ
The People: https://bit.ly/4hIs6eN
#SPECTRUM #พื้นที่ความคิดของทุกสีสัน
“กรุณาแสดงความเห็นอย่างสุภาพและสร้างสรรค์ ทีมงานสงวนสิทธิ์ในการลบหรือดำเนินการตามสมควร กับความเห็นที่สร้างความเกลียดชัง (hate speech) หรือละเมิดสิทธิของบุคคลอื่น”