TW: Transphobia

นายแพทย์วิคเตอร์ใช้บัญชีของคลินิกเข้ามาตอบใน Google Review หลังถูกวิจารณ์ว่า ‘เหยียดเพศ’ เพราะปฏิเสธการให้บริการแก่ผู้หญิงข้ามเพศด้วยข้อความว่า “ผมให้บริการเฉพาะ ‘ผู้หญิงแท้’ เท่านั้น และผมไม่มีทักษะในการรักษา ‘ผู้ชาย’ แม้ว่าพวกเขาจะโกนหนวดเคราจนเกลี้ยงแล้วมาบอกผู้ช่วยของผมว่าตัวเองเป็นผู้หญิงก็ตาม”

เมื่อเดือนธันวาคม ปี 2024 สํานักงานเลขาธิการแพทย์สภาฝรั่งเศสลงมติระงับใบอนุญาต ดร. วิคเตอร์ อาชาเรียน (Victor Acharian) สูตินรีแพทย์ชาวฝรั่งเศส เป็นเวลา 1 เดือน มีผลตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม ปี 2025 และทำทัณฑ์บนเป็นเวลา 5 เดือน สืบเนื่องมาจากกรณีที่เจ้าตัวได้ปฏิเสธให้บริการตรวจรักษาแก่คนไข้ข้ามเพศ โดยให้เหตุผลว่าตนมีความเชี่ยวชาญเฉพาะในการรักษา “ผู้หญิงแท้” เท่านั้น

เหตุการณ์เกิดขึ้นในเดือนสิงหาคม ปี 2023 เมื่อคนไข้ข้ามเพศวัย 26 ปีเข้ามารับบริการที่คลินิกของนายแพทย์วิคเตอร์ แต่ทันทีที่เขาทราบว่าคนไข้เป็นผู้หญิงข้ามเพศ เขาได้ออกปากปฏิเสธการตรวจโดยให้เหตุผลว่า ‘ไม่ใช่ความเชี่ยวชาญของตน’ และกล่าวว่า “ผมไม่มีความสามารถในด้านนี้ แต่สามารถแนะนำให้คุณไปหาผู้เชี่ยวชาญได้” การปฏิเสธดังกล่าวสร้างความไม่พอใจให้กับคนไข้เป็นอย่างมาก โดยคู่รักของคนไข้คนดังกล่าวได้รีวิวบน Google Reviews ของคลินิก และต่อมานายแพทย์วิคเตอร์ก็ได้ใช้บัญชีของคลินิกเข้ามาตอบกลับรีวิวดังกล่าว ด้วยข้อความที่แสดงถึงอคติเกลียดกลัวคนข้ามเพศ (Transphobia) อย่างชัดเจนว่า “ผมให้บริการเฉพาะ ‘ผู้หญิงแท้’ เท่านั้น และผมไม่มีทักษะในการรักษา ‘ผู้ชาย’ แม้ว่าพวกเขาจะโกนหนวดเคราจนเกลี้ยงแล้วมาบอกผู้ช่วยของผมว่าตัวเองเป็นผู้หญิงก็ตาม”

คำพูดของเขาคือตัวจุดชนวนกระแสวิพากษ์วิจารณ์ในสังคมฝรั่งเศสและทั่วทั้งทวีปยุโรป โดยกลุ่มสิทธิคนข้ามเพศ อาทิ SOS Homophobia ได้ออกมาเรียกร้องว่าการกระทำของนายแพทย์รายนี้อาจเข้าข่ายความผิดทางอาญา และประธานสมาพันธ์แพลตฟอร์มเพื่อคนข้ามเพศแห่งสเปน มาร์ กัมโบลล์ (Mar Cambrolle) ก็ได้ออกมาให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าว Euronews ว่า “การปฏิเสธการให้บริการทางการแพทย์เป็นเรื่องที่โหดร้าย สุขภาพเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานของมนุษย์ทุกคน”

อย่างไรก็ตาม ฝ่ายที่สนับสนุนนายแพทย์วิคเตอร์รวมถึงนักเคลื่อนไหวเพื่อสิทธิสตรีบางกลุ่ม กลับมองว่าบทโทษดังกล่าวไม่เป็นธรรมต่อนายแพทย์ นักเคลื่อนไหวด้านสิทธิสตรีชาวฝรั่งเศส กล่าวว่าการพักงานนายแพทย์วิคเตอร์นั้นถือเป็นเรื่องที่ ‘ไร้เหตุผล’ และย้ำว่า “สูตินรีแพทย์ได้รับการฝึกมาเพื่อรักษาผู้หญิงเท่านั้น…เรากำลังอยู่ในโลกที่เต็มไปด้วยความวิกลจริต” แม้แต่เพจเกี่ยวกับการแพทย์และสื่อออนไลน์บางสำนักในไทยก็ได้ออกมากล่าวถึงเหตุการณ์นี้ว่าเป็นเหตุการณ์ “เพี้ยนเพี้ยน” ประหนึ่งว่าพวกเขาได้ลืมเลือนความเป็นจริงที่ว่า การเลือกปฏิบัตินั้นเริ่มต้นตั้งแต่การเลือกใช้คำพูดและสรรพนามเพื่อกล่าวถึง

ในประเทศไทย ราชวิทยาลัยสูตินรีแพทย์ได้จัดทำ “แนวทางการตรวจช่องคลอดที่สร้างขึ้นใหม่ (Neo Vagina)” เพื่อให้สูตินรีแพทย์ในประเทศใช้เป็นแนวปฏิบัติสำหรับดูแลสุขภาพของบุคคลข้ามเพศ โดนระบุสาเหตุของการจัดทำแนวทางดังกล่าวว่า เป็นเพราะช่องคลอดที่สร้างขึ้นใหม่จะมีความแตกต่างบางประการในการตรวจอันมาจากวิธีการผ่าตัด และเนื้อเยื่อที่ใช้สร้างช่องคลอดใหม่ อย่างไรก็ตามทางราชวิทยาลัยยืนยันว่าแนวปฏิบัติการตรวจยังคงคล้ายคลึงกับการตรวจช่องคลอดโดยกำเนิด และมีข้อแนะนำถึงประเด็นที่อาจเกิดภาวะแทรกซ้อนหลังการผ่าตัดแปลงเพศ เช่น การตีบแคบของช่องคลอดที่สร้างขึ้นใหม่ (Neovaginal Stenosis) เนื้อเยื่อที่เป็นแผล (Granulation Tissue) ซึ่งมักปรากฏเป็นเนื้อเยื่อสีแดงและเปราะบางที่มีแนวโน้มจะมีเลือดออก รูทะลุ (Fistulas) หรือการเกิดรูเชื่อมต่อผิดปกติระหว่างช่องคลอดกับอวัยวะอื่น และการติดเชื้อ เช่น ตกขาวผิดปกติ กลิ่นไม่พึงประสงค์ หรือการระคายเคือง ซึ่งแนวปฏิบัติเช่นนี้จะช่วยให้แพทย์สามารถทำความเข้าใจและทำหน้าที่ได้โดยไม่เลือกปฏิบัติ หรือถูกสงสัยว่า ‘ความไม่เชี่ยวชาญ’ ที่เกิดขึ้นนั้นอาจเป็นเพราะเหตุแห่งเพศเสียมากกว่า

Content by kulkul
Graphic by tonfernjiew

อ้างอิง
gbnews: https://bit.ly/3COFsqy
thecoverage: https://bit.ly/3WKTzEa

#SPECTRUM #พื้นที่ความคิดของทุกสีสัน

“กรุณาแสดงความเห็นอย่างสุภาพและสร้างสรรค์ ทีมงานสงวนสิทธิ์ในการลบหรือดำเนินการตามสมควร กับความเห็นที่สร้างความเกลียดชัง (hate speech) หรือละเมิดสิทธิของบุคคลอื่น”