คำเตือน : การสะกดรอย, การบาดเจ็บรุนแรงและการฆาตกรรม
เช้ามืดเมื่อวันที่ 13 พฤศจิกายน ในปี 2022 เกิดเหตุการณ์สะเทือนขวัญหลังมีการพบร่างของนักศึกษามหาวิทยาลัยไอดาโฮ 4 คน ในบ้านพักนอกมหาวิทยาลัย ทั้งหมดเสียชีวิตจากการถูกแทง เต็มไปด้วยบาดแผลกว่า 50 แผล เหยื่อทั้งหมดอยู่ในช่วงวัย 20 ปี เหตุการณ์ในครั้งนี้ได้กลายเป็นข่าวใหญ่ระดับประเทศและเป็นที่จับตาของสื่อทั่วโลก เนื่องจากความรุนแรงของคดี การไต่สวนผู้ต้องหาเพิ่งเริ่มขึ้นเมื่อต้นเดือนกรกฎาคมนี้ หลังเหตุการณ์ผ่านไปแล้วกว่า 3 ปี และวันพุธ (23 ก.ค) ศาลได้มีการตัดสินโทษให้กับผู้กระทำความผิด แต่ก็จะมีการพิจารณาคดีอีกครั้งในเดือนสิงหาคม ตามกระบวนการทางกฎหมายอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง
ในวันพุธที่ 23 กรกฎาคมที่ผ่าน วันพิจารณาคดี ‘Alivea Goncalves’ พี่สาวของ ‘เคลีย์’ (Kaylee Goncalve) หนึ่งในผู้เสียชีวิต ได้กล่าวถึงฆาตกรผ่านศาล ด้วยถ้อยคำที่สะท้อนถึงโกรธแค้นและแสดงความเจ็บปวด ถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเกือบ 3 ปีที่ผ่านมา และโทษของฆาตกรที่ได้รับ
#เบาะแสการถูกสะกดรอย – หนึ่งในเหยื่อเคยรู้สึกว่าถูกสะกดรอยตาม หนึ่งเดือนก่อนเหตุฆาตกรรม
จากการพิจารณาคดีครั้งล่าสุด ข้อมูลที่เปิดเผยในเอกสารการสอบสวน พบว่า ‘เคลีย์’ หนึ่งในเหยื่อ เคยแสดงความรู้สึกไม่ปลอดภัยก่อนเกิดเหตุ โดยเล่าให้เพื่อนร่วมบ้านฟังว่ารู้สึกเหมือนกำลังถูกติดตาม อย่างไรก็ตาม ไม่มีรายงานว่าเธอได้แจ้งความหรือติดต่อเจ้าหน้าที่ในขณะนั้น หลังจากเกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เข้าสืบสวนภายในบ้านพักซึ่งเป็นสถานที่เกิดเหตุ พบว่าประตู หน้าต่าง และจุดเข้าออกต่างๆ ไม่มีร่องรอยการงัดแงะแต่อย่างใด ซึ่งทำให้การสืบสวนในช่วงแรกยังไม่สามารถชี้ชัดได้ว่าผู้ก่อเหตุเข้าไปในบ้านได้อย่างไร ในที่เกิดเหตุตำรวจพบหนึ่งในหลักฐานสำคัญที่กลายเป็นจุดเปลี่ยนของคดี คือ ปลอกมีด เจ้าหน้าที่ได้เก็บตัวอย่าง DNA จากหลักฐานดังกล่าว เพื่อนำไปตรวจสอบกับฐานข้อมูล ซึ่งในเวลาต่อมาได้นำไปสู่การระบุตัวผู้ต้องสงสัย
#จากโทษประหารชีวิต – ฆาตกรยอมรับผิดด้วยสีหน้าเรียบเฉยหลังจากคดีเกิดขึ้นผ่านมาเกือบ 3 ปี เพื่อรับการลดโทษเป็นการจำคุกตลอดชีวิต
เมื่อวันที่ 2 กรกฎาคมที่ผ่านมา ในวันไต่สวน ฆาตกรตกลงรับคำสารภาพหลังจากเหตุการณ์เกิดขึ้นมาแล้วเกือบ 3 ปี เพื่อหลีกเลี่ยงโทษประหารชีวิต วันที่ศาลได้มีคำสั่งพิจารณาโทษของคดี เมื่อวันที่ 23 ก.ค ศาลจึงพิจาณาโทษ ให้ฆาตกรรับโทษจำคุกตลอดชีวิตแทนการประหารชีวิต โดยโทษจำคุกแบบต่อเนื่อง 4 กระทง และอีก 10 ปีสำหรับคดีบุกรุกที่อยู่อาศัย โดยไม่มีสิทธิ์ยื่นประกันตัวหรืออุทธรณ์ เนื่องจากผู้พิพากษาให้เหตุผลว่า คำให้การของจำเลยในชั้นศาลไม่มีน้ำหนักเพียงพอในการเยียวยาจิตใจของครอบครัวผู้สูญเสีย อีกทั้งไม่ได้นำมาซึ่งความสำนึกผิดอย่างแท้จริง แม้ในการสืบสวนจะปรากฏเบาะแสและหลักฐานหลายชิ้นที่อาจบ่งชี้ถึงแรงจูงใจของผู้กระทำความผิด แต่ศาลไม่ได้เปิดเผยรายละเอียดในประเด็นดังกล่าว โดยให้เหตุผลว่า การพยายามอธิบายแรงจูงใจจะเป็นการให้พื้นที่และความสนใจแก่ผู้ก่อเหตุมากเกินไป ซึ่งไม่ใช่สิ่งที่ควรเกิดขึ้นในกระบวนการยุติธรรม
ในวันพิจารณาคดี ครอบครัวของเหยื่อทุกคนได้มีโอกาสกล่าวถ้อยคำต่อศาล ถึงผลกระทบจิตใจอย่างรุนแรงของการสูญเสีย แม้ศาลจะมีคำตัดสินลงโทษจำคุกตลอดชีวิตโดยไม่มีสิทธิ์อุทธรณ์หรือขอประกันตัว แต่ญาติของเหยื่อบางส่วนยังรู้สึกว่า โทษดังกล่าวไม่อาจสะท้อนถึงความรุนแรงและไร้มนุษยธรรมของสิ่งที่เกิดขึ้นได้ แต่สำหรับบางครอบครัวก็ได้กล่าวว่า การได้เห็นกระบวนการยุติธรรมดำเนินไปจนถึงที่สุด ถือเป็นก้าวสำคัญในการเยียวยาหัวใจ และต้องการให้ฆาตกรใช้ชีวิตอยู่กับความอ่อนแอของตนเองนี้ไปตลอดชีวิตที่เหลือ
#แกมันน่าสมเพช – บทกล่าวจากพี่สาวของเหยื่อที่เรียกอำนาจคืนสู่คนรักที่สูญเสียไป ด้วยการตอกหน้าฆาตกรที่หลงคิดว่าตัวเองฉลาดและมีอำนาจ
บทกล่าวของ Alivea Goncalves กลายเป็นไวรัลด้วยความกล้าหาญที่กล่าวต่อหน้าของฆาตกร เธอหาข้อมูลและพบว่าหนึ่งในความ ‘ผยอง’ของฆาตกรคือการคิดว่าตนเป็นอัจฉริยะ ฉลาดเหนือคนอื่น และมีอำนาจ บทกล่าวของ Alivea จึงบอกเล่าความจริงว่า “พวกเราไม่กลัว” และหนึ่งในประโยคที่ทำให้เธอกลายเป็นตัวแทนความกล้าหาญคือประโยคที่เธอพูดกับฆาตกรว่า “ช่วยนั่งตัวตรง ๆ ด้วยเวลาที่ฉันกำลังพูดกับแก”
นี่คือส่วนหนึ่งจากคำกล่าวของ Alivea Goncalves
ฉันจะไม่มายืนร้องไห้ให้แกเห็น คนน่าผิดหวังอย่างแกเสพสมกับความเจ็บปวดและความกลัวของคนอื่น และความหลงผิดว่าตัวเองฉลาดและมีอำนาจ ฉันจะไม่ให้พลังแก อันที่จริง ฉันจะเรียกแกอย่างที่แกเป็น ไอ้คนโรคจิตและฆาตกร
แกไม่ได้ชนะ แกแค่เผยตัวออกมาว่าเป็นคนขี้ขลาด หลงผิด น่าสมเพช เป็นไอ้ขี้แพ้ที่คิดว่าตัวเองฉลาดกว่าใคร ๆ คอยจับผิดไวยากรณ์แล้วก็วิจารณ์คนอื่น แกคิดดว่าคงไม่มีใครตามทันสมองฉลาด ๆ ของแก แต่จริง ๆ แล้วแกก็แค่คนธรรมดา ตรงตามตำราของคนที่ไม่มั่นใจในตัวเองก็เลยต้องพยายามควบคุมคนอื่น
ใคร ๆ ก็มองแกออกว่าเป็นคนแบบไหน แรงจูงใจของแกมันตื้นเขิน ไม่ได้ล้ำลึก ไม่ได้พิเศษ ไม่ได้เป็นปริศนา อย่าเข้าใจผิดไปล่ะ แกมันก็แค่น่าสมเพช
วันนี้ไม่มีใครกลัวแกทั้งนั้น ไม่มีใครรู้สึกว่าแกน่ากลัว ไม่มีใครประทับใจในตัวแก ไม่มีใครคิดว่าแกวิเศษวิโส แกเคยวางแผนทำร้ายคนอื่นแล้วคิดว่าตัวเองเป็นพระเจ้า แล้วดูสภาพแกตอนนี้สิ
แกใช้เวลาวางแผนเป็นเดือน ๆ แต่สุดท้ายแล้วก็โดนจับเพราะน้องสาวฉันและปลอกมีดอันเดียว แกพยายามอย่างหนักเพื่อทำให้ตัวเองดูเป็นคนอันตราย แต่คนที่มีอำนาจจริง ๆ คงไม่ต้องมานั่งพิสูจน์ตัวเองแบบนี้
ความจริงก็คือ เรื่องที่น่ากลัวที่สุดในตัวแกคือมันน่าเจ็บปวดจริงที่จริง ๆ แล้วแกเป็นคนที่แสนจะธรรมดา ความจริงก็คือ แกมันโง่สุด ๆ ทั้งเซ่อซ่า เชื่องช้า อ่อนแอ แล้วก็สกปรก ฉันจะพูดให้ชัด ๆ นะ อย่าคิดว่าตัวเองเป็นคนสำคัญแค่เพราะวันนี้มีคนพูดชื่อของแกออกมาดัง ๆ
ฉันจะบอกอะไรให้นะ ถ้าแกไม่ได้แอบเข้าไปทำร้ายพวกเขากลางดึกอย่างกับเปโด เคลีย์ คงอัดไอ้สวะแบบนายยับไปแล้ว
#bryankohberger #universityofidaho #AliveaGoncalve
อ้างอิง
People: http://bit.ly/4o5XeZn
WISN: http://bit.ly/4fbYwOq
CBSNews: http://bit.ly/3H2CSPS
TheCut: http://bit.ly/4kUdoSM
#SPECTRUM #พื้นที่ความคิดของทุกสีสัน
“กรุณาแสดงความเห็นอย่างสุภาพและสร้างสรรค์ ทีมงานสงวนสิทธิ์ในการลบหรือดำเนินการตามสมควร กับความเห็นที่สร้างความเกลียดชัง (hate speech) หรือละเมิดสิทธิของบุคคลอื่น”