Spectrum

บริษัทที่มองไกลกว่า “เท่าเทียม” สู่ยุคใหม่ที่ต้อง “เข้าใจทุกตัวตน” เรื่องเล่าจากออฟฟิศที่เชื่อว่า ‘การเติบโต’ เริ่มต้นจากการ ‘ยอมรับ’ ในตัวตน

3 นาที

73

Share to

มิถุนายน 24, 2025

3 นาที

73

มิถุนายน 24, 2025

Share to

#DiversifyTechnology – ขับเคลื่อนวงการเทคให้โอบรับความหลากหลาย เริ่มที่สื่อสารกับ ‘คนรุ่นใหม่’

“หนูไม่เคยกังวลที่จะมาทำงานในวงการนี้หรอก การเรียนรู้มันคือโอกาสของเรา และคนทุกเจนต้องใช้เงิน อายุเท่าไรก็ต้องใช้เงิน” น้องบาส ออสการ์ เยาวชน LGBTQ+ หนึ่งในผู้เข้าร่วมค่าย LINE MAN Wongnai Spectrum Tech Camp 2025 เล่าให้เราฟัง หนึ่งในเหตุผลที่น้องบาสสนใจวงการเทคฯ เพราะเป็นวงการที่กำลังเติบโตและมีเม็ดเงินสูง ที่ผ่านมา LGBTQ+ พบการเลือกปฏิบัติในการทำงาน และเป็นสาเหตุหนึ่งใน LGBTQ+ พ้นเส้นความยากจนได้ยากกว่า แต่สำหรับน้องบาสที่ตัดสินใจมาแคมป์นี้ มองว่าสิ่งนี้ไม่เป็นอุปสรรค แม้มันอาจจะขัดกับภาพจำของสังคมที่มองว่า LGBTQ+ ไม่เหมาะกับวงการเทคโนโลยีก็ตาม

สิ่งนี้ก็ตรงกับความตั้งใจของ LINE MAN Wongnai ที่อยากให้ความหลากหลายเกิดขึ้นได้จริงในวงการเทค จึงจัดทำ Spectrum Tech Camp ค่ายเทคโนโลยีที่รับสมัครเด็กมัธยมศึกษาอายุระหว่าง 13-17 ปี มาฝึกปฏิบัติจริง ณ ออฟฟิศใหม่ตึก One Bangkok

“เป็นความจริงที่ตอนนี้วงการเทคมีแต่ผู้ชาย แต่มันไม่ได้แปลว่าผู้หญิงหรือ LGBTQ+ จะทำงานในวงการนี้ไม่ได้ มันอาจจะต้องใช้เวลา 3 ปี 5 ปี 10 ปีก็ได้ กว่าที่ทีมเทคจะมีสัดส่วนผู้หญิงหรือ LGBTQ+ มากขึ้น แต่การเปลี่ยนทัศนคติคนต่อวงการเทคมันจะช่วยได้”

คุณรุตม์ SVP of People จาก LINE MAN Wongnai เล่าถึงที่มาที่ไปของ Spectrum Tech Camp ที่เห็นได้ชัดว่ามีสัดส่วนคนรุ่นใหม่ที่สนใจเทคโนโลยีระหว่างผู้หญิง ผู้ชาย และ LGBTQ+ ในสัดส่วนที่แทบจะใกล้เคียงกัน สิ่งหนึ่งที่ LINE MAN Wongnai พูดคุยกันคือข้อจำกัดเรื่องเพศนั้นเป็นภาพจำของสังคมด้วย และบริษัทเทคฯ ระดับโลกก็มีสัดส่วนพนักงานผู้ชายเยอะกว่าผู้หญิง แต่จะทำยังไงถึงจะเปลี่ยนแปลงได้ คำตอบของคำถามนี้จึงเป็นแคมป์ที่สอดแทรกเรื่องเทคโนโลยีและมอบพลัง (Empower) ให้กับผู้หญิงและ LGBTQ+ มองเห็นตัวเองในวงการเทคมากขึ้น

“สิ่งหนึ่งที่เราพูดกันในแคมป์นี้ที่ได้เด็กจากทั่วประเทศมาอยู่รวมกันคือ การมีความหลากหลายมันดีต่อทีมนะ แม้แต่เวลาลงทุนเราก็อยากที่จะลงทุนในอุตสาหกรรมที่หลากหลาย และนี่คือการทำงาน ไอเดียจากคนที่มีภูมิหลังการศึกษา ฐานะทางเศรษฐกิจ เพศ ที่แตกต่าง ยิ่งเราได้เห็นเยอะเท่าไรก็ยิ่งดี”

#RespectEveryone – ‘ระบบปฏิบัติการ’ ที่สร้างสังคมออฟฟิศให้น่าทำงานกับทุกความหลากหลาย

พอได้เข้ามาชมบรรยากาศที่ Spectrum Tech Camp ทำให้เกิดคำถามว่าการที่องค์กรออกมาขับเคลื่อนความหลากหลายกับสังคมภายนอกกำแพงออฟฟิศได้ ต้องมี “ของ” ภายในที่แข็งแกร่งเพียงพอแล้ว จึงต้องย้อนกลับไปถึงรากฐานของวัฒนธรรมองค์กรที่น่าศึกษา และเป็น Case Study ที่นำไปปรับใช้ได้ในทุกระดับของชุมชน

อะไรคือเคล็ดลับของสังคมออฟฟิศในการทำเรื่องยาก ๆ อย่างการ ‘ดีต่อโลก’ และ ‘ดีต่อทุกคน’ ให้กลายเป็นเรื่องง่าย ๆ ในชีวิตประจำวัน และคุณรุตม์ตอบว่า มันคือการเริ่มจุดเล็ก ๆ คือการสร้างคน

“ถ้าถามทีมงานว่าวัฒนธรรมองค์กรของเราเริ่มจากอะไร ทีมงานก็จะบอกว่า นี่มันมาจากทุกคนในองค์กรนะคะ แต่ความจริงก็คือว่า Culture มันถูกตั้งต้นด้วยผู้บริหารก่อน”

คุณรุตม์ตอบคำถามโดยย้อนไปถึงวันแรกของการสร้างวัฒนธรรมที่พา LINE MAN Wongnai ไปคว้ารางวัลสำคัญ ๆ ทั้ง The Most Attractive Employer รางวัลขวัญใจคนทำงาน โดยมีจุดเริ่มต้นจากวัฒนธรรมองค์กรที่ออกแบบไว้เมื่อปี 2021

“บริษัททุกอุตสาหกรรมทำธุรกิจอยู่ในสังคมที่เต็มไปด้วยความหลากหลาย ตั้งแต่พนักงานข้างใน ไปจนถึงพาร์ทเนอร์ข้างนอกและลูกค้า เพราะฉะนั้นคุณค่าที่เรายึดถือมาเสมอคือคำว่า Respect Everyone”

#ก้าวข้ามสวัสดิการแบบ – ‘One-Size-Fits-All’ สู่เทรนด์สวัสดิการแห่งอนาคต

ความหลากหลายในสังคมตอนนี้ไปไกลกว่ามิติเรื่องเพศ แต่ยังรวมไปถึงอายุ การศึกษา ภูมิหลัง และอีกหลายล้านอย่างที่ต้องอาศัยความเคารพซึ่งกันและกัน แต่การ “เคารพ” ทุกคน ถ้ามองให้ง่ายที่สุด คือการมองว่าทุกคนคือ “มนุษย์” เหมือนกัน 

การมองเห็นทุกคนอย่างเคารพและให้ความสำคัญกับความสุขของทุกคนในองค์กรสะท้อนออกมาผ่านสวัสดิการก้าวหน้า อย่าง LINE MAN Wongnai ออกแบบสวัสดิการโดยเริ่มจากคำถามว่า ‘ชีวิตของคนทำงานวันนี้ต้องการอะไร?’ ไม่ว่าจะเป็นคนเพิ่งเริ่มต้นทำงาน หรือคนที่มีครอบครัวแล้ว เราเรียกแนวทางการออกแบบสวัสดิการของเราว่า Hyper-Personalized Benefits ที่ไม่ใช่เป็นการออกแบบสวัสดิการในระดับ ‘กลุ่ม’ แต่เป็นการออกแบบให้ลึกซึ้งถึงระดับ ‘บุคคล’ เช่น WeFlex ที่ให้วงเงินจำนวนหนึ่ง เพื่อไปพัฒนาตนเองหรือทำกิจกรรมอะไรก็ได้ รวมถึงสร้างความสัมพันธ์ในออฟฟิศ พัฒนาทักษะ และช่วยวางแผนเรื่องเป้าหมายในการทำงาน และปัจจุบันที่ LINE MAN Wongnai ก็ยังมี Work from Home อยู่ โดยจัดวันทำงานความความจำเป็นและธรรมชาติของแต่ละทีม ความยืดหยุ่นนี้ช่วยลดความเครียดของพนักงานได้และทำให้เห็นว่า LINE MAN Wongnai เข้าใจความเสมอภาค (Equity) ด้วยการจัดสรรสวัสดิการโดยคำนึงถึงความต้องการที่ต่างกัน

อีกหนึ่งความใส่ใจจาก Insight ที่เห็นทั้งสัดส่วนเรื่องเพศและอายุ ทำให้ Team People เล็งเห็นความต้องการสร้างครอบครัวของพนักงาน จึงอยากสนับสนุนโดยการทำห้องให้นมบุตรสำหรับคุณแม่ในออฟฟิศ เพื่อให้เหล่าคุณแม่พนักงานแน่ใจว่า LINE MAN Wongnai โอบรับคนทำงานที่อยากสร้างครอบครัว สำหรับ LGBTQ+ ก็มีสวัสดิการที่ประกาศใช้มาตั้งแต่ปี ค.ศ. 2022 จัดให้มีวันลาผ่าตัดข้ามเพศและเงินขวัญถุงสำหรับคู่สมรสเพศเดียวกัน และในกรณีที่มีบุตรจากการรับเลี้ยงบุตรบุญธรรม ก็สามารถใช้วันลาเลี้ยงดูบุตร (Child Adoption Leave) ได้เช่นเดียวกับทุกคน การเคารพและมองเห็นทุกคนในองค์กรจึงไม่ใช่แค่แนวทาง แต่คือการปฏิบัติจริงที่ทำให้พนักงานรู้สึกมีคุณค่าในทุกวัน

แม้กระทั่ง ประวัติการศึกษาก็ไม่เป็นข้อจำกัด ที่ LINE MAN Wongnai เรายังเห็นคนจบประมง บัญชีหรืออักษรศาสตร์ สาขาภาษาจีนมาเป็น Product Manager และ Software Engineer เรามีผู้พิการทางสายตาและทางการได้ยิน/สื่อความหมาย ในบริษัทเทคฯ ได้ เห็นได้ว่าทุกคนอยู่ได้ในสายงานเทคฯ เพียงแค่มีแพชชั่นในเทคโนโลยีและพัฒนาตัวเองอยู่เสมอ   

“ที่เมืองนอกมันจะต้องมีรณรงค์เรื่องความเท่าเทียม กำหนดสัดส่วนคนทำงาน แต่ในองค์กรเราการสร้างความเท่าเทียมไม่ต้องฝืนเลย เราก็เลยไม่ได้ต้องออกแคมเปญรณรงค์อะไร เพราะเราทรีตทุกคนเท่ากัน ดังนั้นเราไม่มองว่าคนนี้ผู้หญิง คนนี้ผู้ชาย คนนี้เป็น LGBTQ+ มันก็เลยไม่ได้มีการแบ่งแยกตั้งแต่แรกอยู่แล้ว วันนี้พนักงานเรามีพนักงานผู้หญิง 46% ผู้ชาย 54% เช่นเดียวกับพนักงานระดับผู้จัดการที่เป็นผู้หญิง 46% และพนักงานที่เป็น LGBTQ+ เองก็อยู่ในระดับผู้จัดการและทุกระดับขององค์กรตามความสามารถ”

 ในอนาคตเราคงจะได้เห็นกันว่า วงการเทคโนโลยีที่หลากหลายที่ LINE MAN Wongnai อยากเห็นจะเป็นแบบไหน แต่สิ่งที่แน่ใจได้ คือมันถูกคิดว่ามาแล้วว่าต้อง “เคารพทุกคน” (Respect Everyone) อย่างแท้จริง

a senior baby girl