เมื่อช่วงต้นเดือนกรกฎาคม ‘ประเทศซูรินาม’ ได้มีการแต่งตั้ง ‘เจนนิเฟอร์ ไซมอนส์’ (Jennifer Simons) วัย 71 ปี เป็นประธานาธิบดีหญิงคนแรกในประวัติศาสตร์ นับเป็นสัญญาณที่สำคัญของความก้าวหน้าทางเพศและความเท่าเทียมทางสังคม ในประเทศที่มีระบบการเมืองแบบดั้งเดิมและมีผู้นำชายดำรงตำแหน่งมาอย่างยาวนาน โดยจะมีการสาบานตนเข้ารับตำแหน่งใน 16 กรกฎาคมที่กำลังจะถึงนี้
การขึ้นดำรงตำแหน่งของเจนนิเฟอร์ ไซมอนส์ เกิดขึ้นจากการโหวตในรัฐสภาตามระเบียบของกฎหมายประเทศ ซึ่งต้องได้เสียง 2 ใน 3 ของสมาชิก ในตอนแรกผลออกมาสูสีระหว่าง 2 พรรคใหญ่ ทำให้พรรคต่าง ๆ จึงต้องเจรจาเพื่อจัดตั้งรัฐบาลผสม และได้ข้อตกลงในการสนับสนุนไซมอนส์ ให้เป็นผู้นำของประเทศ ตามรูปแบบที่เรียกว่า ‘ข้อตกลง 6 พรรค’
#ความคาดหวังในผู้นำหญิงคนแรกของประเทศ – ผู้หญิงในระบบการเมืองที่ชายเป็นใหญ่
เจนนิเฟอร์ ไซมอนส์ เป็นแพทย์มาก่อน และเป็นผู้นำพรรคประชาธิปไตยแห่งชาติ (NDP) รวมทั้งเคยดำรงตำแหน่ง ‘ประธานรัฐสภาซูรินาม’ ถึง 10 ปี เป็นหนึ่งในนักการเมืองหญิงที่มีประสบการณ์สูงที่สุดของประเทศ ในการกล่าวสุนทรพจน์ ไซมอนส์ได้กล่าวว่า การเป็นผู้หญิงคนแรกทำให้ความรับผิดชอบนั้นยิ่งใหญ่กว่าปกติ เพราะคนทั้งประเทศจับตามอง และนอกจากนั้นยังได้เน้นย้ำว่าจะให้ความสำคัญกับเยาวชนและ ‘กลุ่มชายขอบ’ ซึ่งเป็นกลุ่มที่ขาดโอกาสภายใต้รัฐบาลเสมอ รวมทั้งจะเป็นผู้นำคนใหม่ที่ยึดหลักสันติภาพ ความเข้าใจ และการปรองดองเป็นสำคัญ
“ความรับผิดชอบที่ฉันต้องแบกรับนั้นทวีคูณขึ้น เพราะป็นผู้หญิงคนแรกที่ได้ดำรงตำแหน่งนี้”
#บทบาทของผู้หญิงในซูรินาม – ประธานาธิบดีหญิงคนแรกของประเทศถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญในภาวะที่ผู้หญิงถูกกดขี่ในสิทธิและเสรีภาพ
แม้ในทวีปอเมริกาใต้จะเคยมีผู้นำหญิงมาก่อน เช่น ‘ดิลมา รูสเซฟฟ์’ ในประเทศบราซิล หรือ ‘มิเชล บาเชเลต์’ ในประเทศชิลี แต่ในบริบทของประเทศซูรินาม ประเทศเล็ก ๆ ของทวีปซึ่งมีประชากรเพียง 6 แสนคน และมีระบบการเมืองที่ซับซ้อนและอยู่ในอำนาจแบบส่งต่อจากชายรุ่นสู้รุ่นทำให้ การที่ผู้หญิงได้รับการยอมรับจากหลายพรรคให้ดำรงตำแหน่งสูงสุดของประเทศถือเป็นก้าวกระโดดสำคัญในเรื่องของความเท่าเทียมเรื่องเพศ และอาจสร้างแรงบันดาลใจให้ผู้หญิงได้มีส่วนร่วมทางการเมืองมากขึ้นการเปิดพื้นที่ให้เสียงของผู้หญิงและชุมชนชายขอบได้ถูกรับฟังในเวทีรัฐสภาและสาธารณะมากขึ้น เพราะด้วยนโยบายที่ไซมอนส์กล่าวว่าจะมุ่งเน้นให้ครอบคลุมทุกกลุ่ม โดยเฉพาะคนหนุ่มสาวและผู้ด้อยโอกาสมากขึ้น ทำให้ประชาชนโดยเฉพาะเพศหญิงต่างคาดหวังในการเข้ามาปรับเปลี่ยนโครงสร้างสังคมของเพศหญิงในซูรินามที่เป็นอยู่
ในปี 2024 มีสถิติบ่งชี้ว่าผู้หญิงมีความเสี่ยงถูกกีดกันจากโอกาสทางเศรษฐกิจสูงถึง 26% และแม้ว่าในประเทศจะมีมาตรฐานบัญญัติกฎหมายที่คุ้มครองสิทธิสตรี เช่น เท่าเทียมในทรัพย์สมบัติ การเลือกปฏิบัติการตั้งครรภ์ แต่ด้วยปัจจัยของสังคมจึงยังพบความเหลื่อมล้ำที่ชัดเจน ผู้หญิงในซูรินามจึงยังเผชิญกับ ความไม่เท่าเทียมในชีวิตประจำวัน ทั้งในเรื่องรายได้ โอกาสทางเศรษฐกิจ บทบาททางการเมือง การคุ้มครองทางกฎหมายและสิทธิในร่างกายของตน
#Suriname #WomenInPolitics #JenniferSimons
Content by Pitchaya S.
Graphic by frogman
อ้างอิง
scmp: https://bit.ly/40RQp3t
statista: https://bit.ly/4kzABt8
borgenproject: https://bit.ly/4eJH8At
.
#SPECTRUM #พื้นที่ความคิดของทุกสีสัน
“กรุณาแสดงความเห็นอย่างสุภาพและสร้างสรรค์ ทีมงานสงวนสิทธิ์ในการลบหรือดำเนินการตามสมควร กับความเห็นที่สร้างความเกลียดชัง (hate speech) หรือละเมิดสิทธิของบุคคลอื่น”