Spectrum

ผลสำรวจพบว่า วัยรุ่นอเมริกาไม่ใส่ถุงยาง เพราะมีทางเลือกอื่นในการป้องกันโรค แล้วปล่อยให้ผู้หญิงคุมกำเนิดเอง

3 นาที

4

Share to

ตุลาคม 4, 2024

3 นาที

4

ตุลาคม 4, 2024

Share to

“ไม่สกปรกสักหน่อย ทำไมต้องใส่ถุงยางด้วยล่ะ”

ผลสำรวจจาก AP พบว่าวัยรุ่นและผู้ใหญ่วัยเริ่มทำงานชาวอเมริกันไม่นิยมใช้ถุงยาง โดยมีสาเหตุจากองค์ความรู้เรื่องเพศที่มากขึ้น การใช้ยาคุม และยาป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ เช่น PrEP และความกังวลต่อการติดโรคที่ลดลงในสังคม

ผู้เชียวชาญเรื่องสุขภาพทางเพศและสาธารณะสุขให้ความเห็นว่าค่านิยมที่เปลี่ยนไปของสังคมส่งผลต่อการใช้งานถุงยางอนามัยอย่างเห็นได้ชัด ในยุคก่อนที่มีการรณณงค์ให้ใช้ถุงยางอนามัย โฆษณาและสื่อต่าง ๆ เน้นการสื่อสารโดยใช้ความกลัวต่อการติดโรคทางเพศสัมพันธ์เป็นประเด็นหลัก ในขณะที่ตอนนี้มีทางเลือกที่หลากหลายขึ้นในการป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ เช่นการใช้ยา PrEP ประกอบกับการที่การตรวจเช็คสุขภาพเพศเป็นเรื่องที่ปกติมากขึ้นในสังคม คนทั่วไป สามารถเข้ารับการตรวจสุขภาพเพศและโรคติดต่อได้สะดวกขึ้น และไม่ต้องกังวลกับการถูกตีตราดังเช่นสมัยก่อน การใช้ถุงยางจึงกลายเป็นทางเลือกหนึ่งที่ไม่ใช่ตัวเลือกเดียวอีกต่อไป 

ประธานสาธารณสุขวิทยาลัยมิสซิสซิปปีเล่าว่าการใช้ถุงยางกลายเป็นเรื่อง ‘ยี้’ ในหมู่นักศึกษา โดยเฉพาะอย่างยิ่งนักศึกษาชาย ผู้หญิงคนหนึ่งเล่าประสบการณ์ว่าเคยขอให้ผู้ชายใส่ถุงยางและถูกปฏิเสธ เขาเลือกที่จะไม่มีเซ็กซ์ดีกว่าต้องใส่ถุงยาง และเธอยังเคยได้ยินว่าผู้ชายมักขอให้คู่นอนใช้ยาคุมรายเดือน หรือยาคุมฉุกเฉินแทนการใช้ถุงยาง เพื่อลดความกังวลเรื่องการตั้งครรภ์

การป้องกันการตั้งครรภ์ยังคงเป็นภาระของฝ่ายหญิง ในปี 2024 ที่เทคโนโลยีทางเพศก้าวหน้า

หากความเสี่ยงในการตั้งครรภ์เป็นปัจจัยผลักดันให้เกิดการใช้ถุงยางอนามัยในคู่รักต่างเพศ ความกลัวที่จะติดเชื้อ HIV ก็คือแรงจูงใจให้ใช้ถุงยางอนามัยในกลุ่มผู้ชายที่มีเพศสัมพันธ์กับผู้ชาย แต่เมื่อความกลัวนั้นลดลง การใช้ถุงยางอนามัยก็ลดลง สตีเว่น กู๊ดโร (Steven Goodreau) ผู้เชี่ยวชาญด้านเอชไอวีจากมหาวิทยาลัยวอชิงตันเชื่อว่าการส่งเสริมให้มีการใช้ยา PrEP ซึ่งเป็นยาที่ป้องกันเอชไอวี ทำให้รัฐและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องละเลยการใช้ถุงยางอนามัยในฐานะกลยุทธ์การป้องกัน เห็นได้จากการที่แผนยุทธศาสตร์สำหรับการวิจัยด้านเอชไอวีของรัฐบาลกลางจนถึงปี 2025 ไม่ได้กล่าวถึงถุงยางอนามัย และแผนยุติการแพร่ระบาดของเอชไอวีระดับชาติก็ไม่ได้กล่าวถึงเช่นกัน อย่างไรก็ตามศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคยังยืนยันว่าถุงยางอนามัยเป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพ และควรนำมาใช้ “ควบคู่ไปกับกลยุทธ์การป้องกันที่ใหม่กว่า” 

นอกจากนี้ยังพบว่าคนเพศกำหนดชายเริ่มนิยมใช้ยาอย่าง doxy PEP มากขึ้น เนื่องจากเป็นยาที่สามารถรับประทานได้ภายใน 72 ชั่วโมงหลังจากมีเพศสัมพันธ์โดยไม่มีการป้องกัน และสามารถช่วยป้องกันคลามีเดีย โรคหนองใน และซิฟิลิสได้ อย่างไรก็ตาม ยาดังกล่าวต้องจ่ายโดยแพทย์และปัจจุบันยังคงอยู่ในช่วงทดลองสำหรับคนเพศกำหนดหญิง 

อีกปัจจัยที่ทำให้การใช้ถุงยางอนามัยลดลง เป็นเพราะการขาดบทสนทนาและความเข้าใจเรื่องเพศของเยาวชน เนื่องจากเพศศึกษาในสหรัฐอเมริกากำลังอยู่ในช่วงวิกฤต ไม่มีมาตรฐานระดับชาติ หรือข้อกำหนดในการสอนวิชาเพศศึกษา จึงไม่มีการกำหนดในหลักสูตรชัดเจนว่าช่วงวัยไหนควรต้องมีความรู้เรื่องเพศและการป้องกันอย่างไร และพบว่าโรงเรียนหลายแห่งใช้วิชาเพศศึกษาเป็นการสอนเรื่องการวางแผนครอบครัวแทนเพื่อหลีกเลี่ยงบทสนทนาเรื่องเพศและ “ทำให้เด็ก ๆ ไม่หมกมุ่นเรื่องเพศ” 

องค์การอนามัยโลกรายงานว่ามีอัตราการใช้ถุงยางลดลงทั่วโลก จากการสำรวจเยาวชนจำนวน 15 ล้านคนจาก 42 ประเทศทั่วโลก

#HIVPrevention #Conceptrative #CondomUseDeclining

Content by Ms. Chapman

Graphic by tonfernjiew

อ้างอิง

ABC: https://bit.ly/3NgMTZa

AP: https://bit.ly/3TT5UEM

CBS: https://bit.ly/3TTuIwB

WHO: https://bit.ly/3NbPrI9

a senior baby girl