Spectrum

ยิ่งลักษณ์-จำนำข้าว เรื่องเก่ายุครัฐประหาร กับคำตัดสินใหม่ ที่ศาลสูงสุดสั่งนายกรัฐมนตรีให้ชดใช้เพราะ ‘ปล่อยปละละเลย’ ตามมาตรา 157

3 นาที

3

Share to

พฤษภาคม 22, 2025

3 นาที

3

พฤษภาคม 22, 2025

Share to

เมื่อเวลา 14:30 น. ที่ผ่าน ศาลปกครองสูงสุดเผยแพร่คำพิพากษาในคดีหมายเลขดำที่ อฝ. 163 – 166/2564 และหมายเลขแดงที่ อผ. 160 – 163/2568 กรณีการฟ้องขอให้เพิกถอนคำสั่งกระทรวงฯโดย น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ร่วมกับ นายอนุสรณ์ อมรฉัตร อดีตสามี จากเหตุการณ์ทุจริตโครงการรับจำนำข้าวเปลือก ที่ทางกระทรวงการคลังออกคำสั่งที่ 1351/2559 ลงวันที่ 13 ตุลาคม 2559 ให้มีการรับผิดชอบชดใช้ โดยศาลเห็นว่าการดำเนินโครงการดังกล่าวเป็นไปตามนโยบายของคณะรัฐมนตรี ไม่ใช่การตัดสินใจโดยลำพังของนายกรัฐมนตรี จึงพิพากษาให้ เพิกถอนคำสั่งที่ให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนกว่า 35,000 ล้านบาท นอกจากนี้ ศาลยังมีคำสั่ง เพิกถอนการยึด อายัด และขายทอดตลาดทรัพย์สินของยิ่งลักษณ์ และให้ดำเนินการแยกทรัพย์สินของ อดีตสามี ตามสิทธิของเจ้าของร่วม พร้อมจัดทำบัญชีรายละเอียดภายใน 60 วัน เพื่อให้เป็นไปตามหลักความเป็นธรรม 

อย่างไรก็ตามในประเด็นการระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) ศาลเห็นว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ปล่อยปละละเลยในการควบคุมกำกับ จนเกิดความเสียหายข้าวเสื่อมคุณภาพจากการรอระบายและเหตุทุจริตในการขายข้าวต่ำกว่าราคาตลาด ทั้งยังมีการปฏิบัติหน้าที่โดยประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงในฐานะนายกรัฐมนตรีและประธานคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ (กขช.) โดยชี้ว่ายิ่งลักษณ์เข้าร่วมประชุม กขช. เพียงครั้งเดียวในช่วงเวลาที่เกิดปัญหา และเพิกเฉยต่อหนังสือทักท้วงจาก สตง. และ ป.ป.ช. ส่งผลกระทบต่อการเงินการคลังของประเทศเป็นค่าเสียหายประมาณ 20,000 ล้านบาท จึงมีคำสั่งให้ชดใช้ค่าสินไหมในส่วนนั้นเป็นจำนวน 10,028,861,880.83 บาท หรือครึ่งหนึ่งของความเสียหายทั้งหมด

#จำนำข้าวเมื่อคราวรัฐประหาร – ปี 57 คณะรัฐประหารบอกว่าข้าวเน่า แต่รัฐบาลขายข้าวได้แล้วเมื่อปี 67

ภายหลังคำตัดสินออกมา น.ส.ยิ่งลักษณ์ออกมาแถลงผ่านบัญชี X โดยระบุว่าวันนี้เป็นวันที่เจ็บปวด เพราะตรงกับวันครบรอบ 11 ปีการรัฐประหาร ปี 2557 ที่เป็นทั้งจุดเริ่มต้นการยึดอำนาจอธิปไตยจากประชาชน และยังเป็นจุดเริ่มต้นของการถูกดำเนินคดี อายัดทรัพย์อย่างไม่เป็นธรรม และในวันนี้ต้องแบกรับภาระหนี้กว่า 10,000 ล้านบาท ทั้งที่ไม่ได้มีส่วนร่วมในกระบวนการทุจริตและไม่ได้เป็นจำเลยในคดีดังกล่าว ยิ่งลักษณ์ยืนยันว่าโครงการรับจำนำข้าวเป็นนโยบายเพื่อช่วยเหลือชาวนาและขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานราก ไม่ได้มีเจตนาก่อความเสียหาย และตลอดการทำงานได้ทุ่มเทเพื่อประโยชน์ของเกษตรกรอย่างแท้จริง เธอปิดท้ายว่า จะต่อสู้เรียกร้องความเป็นธรรมตามกระบวนการที่มีอยู่ และหากผู้นำที่มาจากเสียงของประชาชนยังไม่ได้รับความยุติธรรม ประชาชนทั่วไปก็ย่อมไม่มีหลักประกันใดเช่นกัน

ปัจจุบัน ข้าว 18.9 ล้านตันถูกจำหน่ายออกจากโกดังไปแล้ว โดยในช่วงคณะรัฐประหารต่อเนื่องมาจนถึงรัฐบาลประยุทธ์ ปี พ.ศ. 2558-2562 มีการนำข้าวบางส่วนไปจำหน่ายในราคาข้าวเน่ากิโลกรัมละ 3-5 บาท ขณะที่บางส่วนที่จำหน่ายในรัฐบาลเศรษฐา เมื่อปี พ.ศ. 2566 นายภูมิธรรม เวชยชัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ขายได้กิโลกรัมละ 18 บาท ยอดรวมการจำหน่ายทั้งหมดกว่าจึงรวม 2 แสนล้านบาท โดยในส่วนนี้ ทนายความของอดีตนายกยิ่งลักษณ์ ชินวัตร จะมีการรวบรวมหลักฐานยื่นฟ้องอีกครั้งเพื่อลดการชดใช้เนื่องจากข้าวสามารถขายได้จนไม่เกิดความเสียหายตามคดีระบายข้าวที่มีการตัดสินไปล่าสุด โดยจะมีการส่งหลักฐานอีกครั้งเนื่องจากในคดีนี้มีการปิดรับหลักฐานไปแล้ว

#แล้วต่อไปใครจะกล้าทำนโยบาย – คำถามที่เหลือไว้หลังมาตรา 157 ถูกตีความขยายความจนคนทำงานอาจมีความผิดได้ทุกเมื่อ

ภายหลังคำตัดสินใจของศาลปกครองสูงสุดออกมา ประชาชนบางส่วนวิพากษ์วิจารณ์โดยยกกรณีอย่างโฮปเวลล์ในสมัยรัฐบาล พล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณที่เซ็นสัญญาในช่วงปลายปี พ.ศ.2533 ว่าจนถึงปัจจุบันยังไม่มีการเรียกผู้ที่เกี่ยวข้องมาชดใช้ความเสียหาย หรือแม้แต่กรณีอย่างตึกสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน ที่หากใช้มาตรฐานเดียวกันแล้ว อาจต้องมีการเรียกอดีตนายกรัฐมนตรี ประยุทธ์ จันทร์โอชากลับมาชดใช้ค่าเสียหายฐานปล่อยปละละเลยเช่นกัน

ที่ผ่านมา ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ถูกตั้งคำถามมาตลอดจากการการบัญญัติใช้ถ้อยคําอย่างกว้างขวางจนทําให้กฎหมายอาญาอาจขาดความชัดเจน และมีองค์ประกอบความผิดกว้าง ๆ ครอบคลุมการกระทําความผิดต่าง ๆของเจ้าพนักงานโดยที่มีลักษณะความผิดมิได้เฉพาะเจาะจงเหมือนความผิดฐานอื่น  ๆ มีเจ้าพนักงานที่กระทำความผิดตามมาตรา 157 บ่อยครั้ง เพราะศาลเป็นผู้ชี้ขาดในการตีความได้อย่างกว้างขวาง นักวิชาการด้านกฏหมายกล่าวถึงเจตนาที่ผิดเพี้ยนไปของมาตรา 157 ที่การตีความขยายความนี้อาจสร้างความกดดันให้ฝ่ายปฏิบัติและฝ่ายบริหาร จากที่ควรจะตีความโดยกำหนดให้มีความผิดหากมีเจตนาพิเศษ หรือมีเป้าหมายเพื่อสร้างความเสียหาย นอกจากนั้น มาตรา 157 ยังทำให้มีความสับสนเนื่องจากแม้จะมีลักษณะเข้าข่ายผิดพลาดทางการปกครองก็ยังต้องชดใช้ตามกฏหมายอาญาด้วย ซึ่งตามจริงแล้วควรใช้มาตรการทางวินัยหรือทางปกครองเท่านั้น

ก่อนมีคำตัดสินในวันนี้ สังคมส่วนหนึ่งกังวลอย่างยิ่งว่าคำตัดสินในครั้งนี้อาจเป็นประตูให้อดีตนายกรัฐมนตรียิ่งลักษณ์ได้ ‘กลับบ้าน’ และทิ้งท้ายไว้ว่าหากศาลสูงสุดตัดสินให้ชดใช้ก็คงเป็นหลักฐานได้ว่าอดีตนายกฯ ผิดจริง แต่ความจริงแล้วไม่ว่าจะเป็นฟากการเมืองใด ก็ควรมองคำตัดสินนี้ว่าไม่เป็นธรรม ผลที่ตามมาคือมาตรา 157 ยิ่งกลายเป็นบ่วงที่ทำให้รัฐบาลและข้าราชการอาจไม่สามารถดำเนินนโยบายใดใดมากขึ้นไปอีกเพราะความกว้างเกินไปของกฏหมาย และยิ่งโดยเฉพาะเมื่อ ‘ความเสียหาย’ เกิดขึ้นหลังการรัฐประหารและถูกจัดการโดยคณะรัฐประหารที่ไม่สามารถตรวจสอบได้ แต่ผู้ชดใช้ กลับเป็นนายกรัฐมนตรีจากรัฐบาลพลเรือนที่ถูกรัฐประหาร

#จำนำข้าว #ยิ่งลักษณ์ชินวัตร #รัฐประหาร57

Content by Editorial Team

Graphic by frogman

อ้างอิง

The Reporter: https://bit.ly/3Sgjxgk

ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร: https://bit.ly/3ZwtTwr

ศาลปกครอง: https://bit.ly/43Fme1c

คณะนิติศาสตร์: https://bit.ly/4mtqtEB

#SPECTRUM #พื้นที่ความคิดของทุกสีสัน

“กรุณาแสดงความเห็นอย่างสุภาพและสร้างสรรค์ ทีมงานสงวนสิทธิ์ในการลบหรือดำเนินการตามสมควร กับความเห็นที่สร้างความเกลียดชัง (hate speech) หรือละเมิดสิทธิของบุคคลอื่น”

a senior baby girl