เมื่อปี พ.ศ. 2527 เพลง “ราชาเงินผ่อน” ของวงคาราบาวที่อยู่ในสตูดิโออัลบั้มชุดที่ 5 คือเมด อิน ไทยแลนด์ ประสบความสำเร็จสูงมากทันทีที่วางจำหน่าย เนื้อหาของเพลงไม่ได้พูดอะไรมากไปกว่าความสุขเล็กน้อยของคนจน และเงินผ่อนก็เป็นทางที่จะนำชีวิตของคนไม่มีเงินสดไปสู่ความฝันเล็ก ๆ อย่างเครื่องเล่นวิดีโอที่ราคาไม่น่าจะกี่พัน เงินผ่อนในวันนั้นจึงเป็นเรื่องของคนจน คนหาเช้ากินค่ำ ไม่ใช่คนทำงานออฟฟิศแต่งตัวสวยหรู
ผ่านมาแล้ว 41 ปี ของที่ผ่อนเปลี่ยนไป แต่เงินผ่อนไม่ได้เปลี่ยนไปด้วย และมันเข้ามามีบทบาทต่อชีวิตของคนในทุกระดับ คนหาเช้ากินค่ำผ่อนแชมพูขวดละ 108 บาท พนักงานออฟฟิศผ่อนข้าวเที่ยงมื้อละ 250 บาท การจ่ายเล็กจ่ายน้อย ค่อย ๆ จ่ายกลายเป็นช่องทางจับจ่ายใช้สอยของผู้คน และมันสร้างแรงกระเพื่อมซะจนสร้างการเติบโตให้ “ช็อปปิ้งแพลตฟอร์ม” แบบก้าวกระโดด
แต่นี่ไม่ใช่ความสัมพันธ์ของคนจนที่โดนจูง แต่เป็นความสัมพันธ์ระหว่างคนจนผู้ยิ่งใหญ่กับช็อปปิ้งแพลตฟอร์มที่ข้ามน้ำข้ามทะเลมาเพื่อโดนใช้ประโยชน์ ในฐานะเจ้าหนี้… ผู้ดูเข้าใจยาก แต่ก็ไม่มากเกินฝีมือ “คนจน”
#คอยน์และเครดิต – เงินกู้รายย่อยที่เปลี่ยนชีวิตของคนจน
ช็อปปิ้งแพลตฟอร์มดีไซน์การซื้อของให้เป็นเกมที่มีชาเลนจ์ประจำวัน เช่น การเล่นเกมรดน้ำต้นไม้แจกคอยน์ แฟลชเซลล์ การปล่อยโค้ดเป็นช่วงเวลา Cash back ที่เป็นระบบคอยน์ให้ใช้จ่าย เก็บโค้ดส่งฟรีตามเงื่อนไขที่กำหนด การดีไซน์ที่กระตุ้นให้คนใช้เงินอย่างแยบยลนี้ทำให้ช็อปปิ้งแพลตฟอร์มไม่ใช่แค่ที่ซื้อของ แต่เป็นประสบการณ์แสนสนุกที่อยู่ได้ทั้งวัน การกดซื้อสินค้าชิ้นเดียวในเวลาที่แตกต่างกันก็ทำให้ราคาต่างกันได้เป็นร้อยหรืออาจจะสูงถึงพันบาท การช็อปปิ้งในโลกยุคใหม่จึงไม่ใช่แค่การซื้อของที่พึงพอใจ แต่มีราคาที่สะใจและการวางแผนที่น่าภาคภูมิใจมาเป็นคุณค่าเสริมด้วย
โลกของช็อปปิ้งแพลตฟอร์มยิ่งทวีความดุดันเมื่อประดิษฐกรรมไมโครเครดิตสถิตย์บนแพลตฟอร์ม เราสามารถซื้อของราคาไม่ถึง 100 บาทแล้วผ่อน 5 เดือนยาว ๆ แบบ 0% ดอกเบี้ยได้ และมีเงินกู้วงเงินหลักหมื่นที่สามารถหยิบมาใช้จ่ายตามความจำเป็น ประดิษฐกรรมเงินกู้ผ่านช็อปปิ้งแพลตฟอร์มนี้ไม่เพียงแต่บูสต์แพลตฟอร์มช็อปปิ้งข้ามชาติให้เติบโต แต่มันกลายเป็นโอกาสทางเศรษฐกิจใหม่ของคนเงินขาดมือไปแล้วด้วย!
โค้ด คอยน์ ระบบผ่อนชำระ 0% หรือมีดอกเบี้ยแต่ก็น้อย ๆ กลายเป็นทางออกของคนขาดมือที่ต้องจ่ายค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าโทรศัพท์ ค่างวดบัตรเครดิต หรือแม้แต่เรื่องพื้นฐานอย่างการสั่งข้าวเที่ยง เราก็ทำให้ข้าวจานละ 80 บาทแบ่งจ่ายได้นาน 5 เดือน ใน Facebook มีกลุ่มปรึกษาปัญหา, กลุ่มรับซื้อของ, กลุ่มแลกเปลี่ยนโค้ด คอยน์กับเงินสดด้วยประดิษฐกรรมขั้นกว่าที่ออกแบบเพื่อใช้ประโยชน์จากช่องโหว่ของระบบโดยเฉพาะ ในช่วงแรก ๆ ช็อปปิ้งแพลตฟอร์มอนุญาตให้ใช้เครดิตซื้อทองได้ ใช้โค้ดลดราคา ใช้โค้ดเงินคืน และผ่อน 0% 5 เดือนได้ ทองจึงกลายเป็นช่องทางทำเงินที่แลกเปลี่ยนได้ง่ายที่สุด แต่ต่อมาเมื่อระบบเริ่มอุดช่องโหว่ตามมาเรื่อย ๆ ก็มีกลุ่มที่รับกดของชิ้นละ 15 -20 บาท โดยพิชชิ่งราคากันให้ถูกที่สุด โดยใช้โค้ดและคอยน์ของตัวเองเป็นต้นทุน และการรับกดของในช็อปปิ้งแพลตฟอร์มก็ใหญ่โตถึงขั้นการฝากซื้อสินค้าหลักหมื่นอย่างโทรศัพท์มือถือโดยที่ฝ่ายผู้ซื้อเป็นฝ่ายกำหนดราคา แล้วผู้กดสั่งก็ไปค้ากำไรเอาจากโค้ดและคอยน์ที่ตัวเองสะสมไว้ สิ่งนี้ทำกันอย่างเป็นระบบและมีผู้ช็อปปิ้งหมุนเวียนเป็นแสนคนที่วนเวียนปรึกษาและหาทางออกว่าเราจะทำอย่างไร กับเครดิตที่ช็อปปิ้งแพลตฟอร์มมอบให้โดยที่ไม่ทราบกำลังซื้อที่แท้จริงของเรา (แหะๆ)
และถึงแม้ตอนนี้เขาจะเข้าบูโรไปแล้ว (แหะๆ) ก็ไม่ได้แปลว่าเศรษฐกิจในครัวเรือนผ่านระบบช็อปปิ้งแพลตฟอร์มจะจบลง ยังมีคนเป็นแสน ๆ ที่ไถ่ถามหาช่องโหว่วิธีแฮ็กระบบไม่จบไม่สิ้น
#PoorMath – ดอกเบี้ยคือค่าเสียโอกาส จ่ายแพงกว่าก็ยังดีกว่าขาดเงินสด
“ต่อให้เงินอยู่ในเครื่องคิดเลข คนก็หาทางเอาออกมาใช้จนได้”
ดูเหมือนว่าประโยคนี้จะแคปเช่อร์ประสบการณ์ของคนจนกับความซับซ้อนซ่อนเงื่อนของเงินไว้ได้อย่างดี ประโยคนี้เป็นประโยคเดียวกับที่คนพูดถึงนโยบายรัฐอย่างกองทุนหมู่บ้าน หรือแม้แต่ดิจิทัลวอลเล็ตที่ล้มเลิกไปกลางคัน และไม่ว่าประดิษฐกรรมทางการเงินจะเป็นอะไร สิ่งที่อยู่รอดเหนือทุก ๆ กฏเกณฑ์ข้อบังคับคือความฉลาดและสายตาซอกแซกของชาวบ้านที่พลิกแพลงทุกวิถีทางเพื่อเอาเงินออกมาใช้ ต่อให้เงินไม่มีอยู่ตรงนั้น ต่อให้เดือนหน้าฉันไม่มีจ่าย แต่ถ้ามีเครดิตอยู่ตรงหน้า ก็จะคว้าเป็นเงินออกมาให้ได้ไม่ว่าด้วยทางใด!
เงินกู้รายย่อยถูกมองเป็นตัวร้ายในชีวิตคนจนตลอด บ้างก็ว่าทำให้คนจนเป็นหนี้ไม่มีวันหลุดพ้น บ้างก็ว่าทำออกเสิร์ฟลัทธิบริโภคนิยม (Consumerism) จนคนฟุ้งเฟ้อไม่รู้จักพอ แต่ในความเป็นจริงเงินกู้รายย่อยคือการจัดการเศรษฐกิจในครัวเรือนที่ผ่านการขบคิดและดิ้นรนโดยคนที่ทรัพยากรมีไม่มาก การไม่มีเงินกู้รายย่อยไม่ได้เปลี่ยนคนจนให้เป็นคนรวย และเงินออมก็ไม่ใช่ทางออกในชีวิตที่มีแต่ปัญหา
ถ้าเศรษฐกิจของคนมีจะกินคือเงินเก็บ เศรษฐกิจของคนจนก็คือเงินหมุน ดอกเบี้ยที่จ่ายไปจึงเป็นเพียงค่าเสียโอกาสที่จะชิบหายถ้าไม่มีจ่ายก็เท่านั้น
ไม่มีอะไรน่ากลัวกว่าการไม่มีสตางค์ และเครดิตก็เป็นเพียงเรื่องเพ้อฝัน ตราบเท่าที่มันไม่สามารถแปลงเป็นเงินมาได้จริงๆ
#Microcredit #MicroEconomy #ShoppingPlatform
Graphic by Kasidit Taranabhaiboon
#SPECTRUM #พื้นที่ความคิดของทุกสีสัน
“กรุณาแสดงความเห็นอย่างสุภาพและสร้างสรรค์ ทีมงานสงวนสิทธิ์ในการลบหรือดำเนินการตามสมควร กับความเห็นที่สร้างความเกลียดชัง (hate speech) หรือละเมิดสิทธิของบุคคลอื่น”