Spectrum

สรุปวงเสวนา “เพศวิถีในศาสนาอิสลาม: มุสลิมโดยกำเนิด คลุมหิญาบโดยการเลือก และกะเทยมุสลิม” ที่จัดโดยหลักสูตรปริญญาโท สตรี เพศสถานะ และเพศวิถีศึกษา วิทยาลัยสหวิทยาการ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เมื่อวันที่ 2 มีนาคม 2568

3 นาที

3

Share to

มีนาคม 7, 2025

3 นาที

3

มีนาคม 7, 2025

Share to

วันที่ 2 มีนาคม 2568 เวลา 13.00-14.00 น. หลักสูตรปริญญาโท สตรี เพศสถานะ และเพศวิถีศึกษา วิทยาลัยสหวิทยาการ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ได้จัดเสวนาในประเด็นว่าด้วย “เพศวิถีในศาสนาอิสลาม: มุสลิมโดยกำเนิด คลุมหิญาบโดยการเลือก และกะเทยมุสลิม” ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโครงการ Voice of WGSSP #7 เผื่อเผยแพร่องค์ความรู้ทางด้านเพศสถานะและเพศวิถีศึกษาให้กับประชาชนทั่วไปในวงกว้าง โดยในครั้งนี้มี โยฮันนา เหล็มกาศ (นักศึกษาในหลักสูตรปริญญาโท สตรี เพศสถานะ และเพศวิถีศึกษาฯ) และปารเมศ วิชัยดิษฐ (นักวิจัยสถาบันพระปกเกล้าและนักวิจัยแลกเปลี่ยนประเทศมาเลเซีย) เข้าร่วมเสวนา ดำเนินรายการโดย ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.สุกฤตยา จักรปิง อาจารย์ประจำหลักสูตรปริญญาโท สตรี เพศสถานะ และเพศวิถีศึกษาฯ

ดร.สุกฤตยาเริ่มต้นจากคำถามที่ว่า การประกอบสร้างตัวตนของ ‘ผู้หญิงที่ดี’ จะต้องประกอบด้วยอะไรบ้าง และศาสนาจะมีส่วนกำหนดตัวตนมากน้อยแค่ไหน โยฮันนาจึงได้แชร์ประสบการณ์ว่า ‘ผู้หญิงที่ดี’ ในอิสลามจะเรียกว่า ‘มุสลิมะห์’ ซึ่งถือว่าเป็นเพศที่มีเกียรติและมีความสำคัญต่อทั้งครอบครัวและสังคม และการจะเป็นมุสลิมะห์ได้มีองค์ประกอบหลายอย่าง อาทิ ให้ความสำคัญกับครอบครัว เป็นลูกสาว ภรรยา และแม่ที่ดี, ศรัทธาและเชื่อฟังคำสั่งสอนของพระเจ้า, เชื่อฟังสามี, ใช้เวลาอย่างเป็นประโยชน์สูงสุด ไม่ใส่ร้ายป้ายสีใคร, นำพากลุ่มสตรีด้วยกันไปสู่ทางของพระผู้เป็นเจ้า เตือนผู้ที่อาจกระทำผิดทั้งผ่านการกระทำ วาจา หรือห้ามไว้ในใจ,  และอื่น  ๆ  อีกมากมาย ซึ่งก็จะมีบทบัญญัติว่าด้วย ‘การสวมหิญาบ’ ซึ่งจะเป็นหนึ่งในประเด็นสำคัญในการคุยกันในวันนี้

‘การสวมหิญาบ’ หรือการปกปิดร่างกายอย่างมิดชิดตามหลักศาสนา คนนอกศาสนาอาจมองว่าเป็นการถูกกดขี่ แต่สำหรับมุสลิมะห์แล้วนั้น มองว่าเป็นสิทธิของตัวเองที่จะเลือกใส่ สำหรับโยฮันนาเธอสวมใส่หิญาบตั้งแต่เด็ก  ๆ  การอยู่ในสังคมชุมชนมุสลิมมองว่าการสวมหิญาบเป็นเรื่องปกติ ถึงแม้ว่าเมื่อเข้าเรียนที่โรงเรียนสามัญไม่ใช่โรงเรียนศาสนา

อาจจะมีคนถามบ้างแต่ก็ไม่ได้รู้สึกว่าแปลกอะไร จนกระทั่งเมื่อเริ่มฝึกงานเป็นคุณครูในโรงเรียนแห่งหนึ่ง ด้วยความที่เธอสอนวิชาสังคมศึกษา ซึ่งนั่นก็จะมีเนื้อหาในส่วนของพระพุทธศาสนาด้วย ก็ยิ่งมีคนถามเธอมากขึ้นว่าแล้วแบบนี้จะสอนได้หรือไม่ ในเนื้อหาเกี่ยวกับสิทธิมนุษยชนเธอจะสอนได้หรือเปล่า หรือก็มีคนถามเธอว่าสามารถไม่ใส่ได้ไหม เธอเลยเริ่มรู้สึกว่าการสวมหิญาบเป็นเรื่อง ‘ผิดปกติ’ และเธอในฐานะผู้สวมหิญาบก็เริ่มรู้สึกว่าเราคือคนที่ ‘แปลก’

“เราสอนเรื่องสิทธิมนุษยชนได้ เพราะผ้าผืนนี้เราภูมิใจกับมันนะ คุณมาดูลายผ้าสวย  ๆ  พวกนี้สิ นี่คือสิ่งที่เราบรรจงเลือก” นี่คือสิ่งที่เธอคิด ซึ่งเมื่อเข้าสู่ช่วงการทำงาน เธอก็ยืนยันที่จะสวมหิญาบ โยฮันนาเล่าว่า การเลือกที่ทำงานที่อนุญาตให้ใส่หิญาบได้ สำหรับเธอถือเป็นเรื่องที่สำคัญเป็นอันดับแรก สำคัญยิ่งกว่าเงินเดือนซะอีก 

คำถามถัดมา หากผู้หญิงมุสลิม ‘เลือก’ ไม่ทำตามบรรทัดฐานล่ะ? จะเกิดอะไรขึ้น เช่น หากผู้หญิงไม่ต้องการแต่งงาน สามารถต่อรองได้มากแค่ไหน โยฮันนาตอบว่า สิทธิในการต่อรองมีเกือบ 100% แต่ขึ้นอยู่กับว่าแต่ละคนจะรับกับ ‘ผลกระทบ’ ได้มากน้อยแค่ไหน ซึ่งไม่ใช่แค่เรื่องของการไม่ต้องการแต่งงาน แต่ยังรวมไปถึงสิทธิในการแต่งกาย และความหลากหลายทางเพศอีกด้วย ความน่าสนใจคือมุสลิมนอกขนบหลายคนมองว่า ‘ปล่อยให้เป็นเรื่องของเขากับพระเจ้า ขอให้เขาเอาบาปไปคุยกับพระเจ้าเอง’ แต่ด้วยความที่ข้อปฏิบัติของมุสลิมะห์ที่ดี มีสิ่งที่ว่าด้วย ‘การเตือน’ เพื่อให้ชาวมุสลิมไม่ผิดไปตามครรลองครองธรรมของหลักศาสนา ซึ่งการเตือนจะมีหลายระดับ ทั้งการเตือนในใจ การเตือนด้วยวาจา และการเตือนด้วยการกระทำ ซึ่งในหลายครั้งก็นำมาซึ่งความรุนแรง เช่น การถูกจองจำ การกักขังหน่วงเหนี่ยว หรือกระทั่งการฆ่าเพื่อรักษาเกียรติยศ (Honor killing) ซึ่งนั่นไม่ใช่เรื่องที่ถูกต้องและถือว่าเป็นการพรากสิทธิของผู้อื่น “เราไม่เห็นด้วยกับการไปละเมิดสิทธิของใคร เพราะเราเชื่อว่าพระเจ้าก็เคารพการตัดสินใจของมนุษย์และไม่ละเมิดสิทธิของใครเช่นเดียวกัน” ซึ่งนั่นเป็นความคิดเห็นและการบอกเล่าในประสบการณ์ส่วนตัวของโยฮันนาในฐานะมุสลิมะห์

สุดท้ายแล้วเมื่อหิญาบเป็นเรื่องของนานาประเทศ ‘สิทธิมนุษยชน’ ของแต่ละสังคมอาจมองด้วยมุมที่ต่างกัน คนต่างศาสนา รวมถึงคนที่อยู่ในโลกตะวันตก อาจมองว่าการสวมหิญาบเป็นการลิดรอนเสรีภาพในการแต่งกาย แต่ผู้หญิงมุสลิมมองว่านี่คือเสรีภาพในการแต่งกายของพวกเธอ โยฮันนามองว่าอัตลักษณ์ตัวตนของ ‘มุสลิมที่ดี’ ในบริบทของโลกาภิวัตน์อาจไม่ได้สั่นไหวขนาดนั้น จากการที่เธอวิเคราะห์ตัวเองและคนรอบตัว เธอคิดว่าผู้หญิงมุสลิมอาจมีแนวโน้มจะสวมใส่หิญาบมากขึ้นเพื่อแสดงถึงอำนาจและการต่อต้าน เพราะนี่คือการท้าทายถึงศักดิ์ศรีในการเลือกและต่อสู้ของพวกเธอ ซึ่งสิ่งสำคัญคืออยากให้ทุกคนมีความสามารถในฐานะผู้กระทำการ (Agency) ของตัวเองเพื่อการสร้างตัวตนและการคุยกับพระเจ้าเองก็พอ

ถัดมาในประเด็นว่าด้วย ‘กะเทยมุสลิม’ ที่ปารเมศได้ร่วมแลกเปลี่ยน เขาเล่าถึงการต่อรองของผู้มีความหลากหลายทางเพศที่เป็นมุสลิมในประเทศมาเลเซียได้อย่างน่าสนใจ จากการที่เขาได้มีโอกาสไปเป็นนักวิจัยแลกเปลี่ยนที่ประเทศมาเลเซีย ซึ่งเป็นประเทศที่ศาสนาอิสลามเป็นศาสนาประจำชาติ และในกฎหมายของประเทศก็มีหลักแนวคิดทางศาสนาเข้าไปผนวกรวมอยู่ด้วย ดังนั้นเขาจึงมองว่าศาสนาค่อนข้างมีบทบาทในการก่อร่างสร้างอัตลักษณ์ของ ‘ผู้ชายมุสลิม’ เพราะมีแนวคิดทางศาสนาที่ว่าด้วย “ผู้ชายจะต้องเป็นผู้นำครอบครัวและเป็นผู้ปกป้องดูแล” ซึ่งการเป็นผู้มีความหลากหลายทางเพศเกย์หรือกะเทยนั้นขัดกับบทบัญญัติทางศาสนา เพราะผิดไปจากลักษณะของบุรุษที่ดี 

ความน่าสนใจคือในพื้นที่ของความเป็นมุสลิมกับความหลากหลายทางเพศนั้น มีช่องที่สามารถต่อรองซึ่งกันและกันอยู่หลายระดับ อาจแบ่งออกได้เป็น 3 กลุ่ม เช่น คนที่เลือกดำรงอัตลักษณ์ทั้งสองอย่างไปพร้อม  ๆ  กัน หากอยู่ในพื้นที่สาธารณะเขาจะทำตามหลักศาสนาด้วยการแสดงออก (perform) ว่าเป็นผู้ชาย แต่เมื่ออยู่ในพื้นที่ส่วนตัวก็อาจแสดงออกซึ่งอัตลักษณ์ทางเพศของเขาออกมา, ส่วนสำหรับคนที่ยอมรับอัตลักษณ์ทางเพศของตัวเองมากกว่าอัตลักษณ์ทางศาสนา เขาจะเลือกลดบทลาททางศาสนาของตนเองลง และตระหนักว่าศาสนาไม่ได้ยอมรับในตัวเขา ก็มีโอกาสที่เขาจะออกจากศาสนาไปเลย และสุดท้ายคนที่ให้ความสำคัญกับอัตลักษณ์ทางศาสนามากกว่า กล่าวคือ รู้ว่าเพศวิถีของตนเองอาจไม่ตรงตามเพศกำเนิด แต่อยากใช้ชีวิตในฐานะมุสลิม เขาก็จะพยายามควบคุมอัตลักษณ์บางอย่าง ผ่านการปิดบังซึ่งอัตลักษณ์ทางเพศไม่ให้ออกมาชัดเจนมากเกินไป

จากทั้ง 2 ประเด็นอาจกล่าวได้ว่า ในการประกอบสร้าง ‘ตัวตน’ ของคนแต่ละเพศในศาสนาอิสลามนั้น การที่คนเลือกไม่ทำตามบรรทัดฐานทุกประการก่อให้เกิดความหลากหลายของอัตลักษณ์ที่ลื่นไหล ซึ่งมีความหลากหลายและมีการต่อรองในหลาย  ๆ ระดับอยู่เสมอ การคำนึงถึงสิทธิมนุษยชนจึงยังถือเป็นเรื่องสำคัญ และการเคารพซึ่งกันและกันยังคงเป็นอะไรที่เรายังควรต้องคำนึงถึง

#LGBTQIAN #ความหลากหลายทางเพศ #อำนาจ #การต่อรอง #เพศ #ผู้หญิง #มุสลิม #หิญาบ

Content by Rosalyn J.

.

#SPECTRUM #พื้นที่ความคิดของทุกสีสัน

“กรุณาแสดงความเห็นอย่างสุภาพและสร้างสรรค์ ทีมงานสงวนสิทธิ์ในการลบหรือดำเนินการตามสมควร กับความเห็นที่สร้างความเกลียดชัง (hate speech) หรือละเมิดสิทธิของบุคคลอื่น”

a senior baby girl