Spectrum

ฮ่องกงไม่ให้ผู้หญิงข้ามเพศเข้าเมือง ตม.ฮ่องกงโต้ ไม่ใช่การเลือกปฏิบัติแต่บอกไม่ได้ ว่าทำไมไม่ให้เข้า

3 นาที

3

Share to

ธันวาคม 3, 2024

3 นาที

3

ธันวาคม 3, 2024

Share to

มาโกซ์และลูกพี่ลูกน้องของเธอได้เดินทางขึ้นเครื่องบินไปยังฮ่องกงในช่วงกลางเดือนพฤศจิกายน โดยพวกเธอตั้งตารอที่จะได้สำรวจเมืองที่พวกเธออยากไปเยือนมานานในทริป 6 วัน 5 คืน แต่เมื่อมาถึงหน้าด่านตรวจคนเข้าเมืองทุกอย่างกลับไม่เป็นไปตามที่คาดคิด

มาโกซ์เผยว่าในบรรดาเมืองท่องเที่ยวของประเทศอื่น ๆ ในภูมิภาคเอเชียที่เธอเคยไปเยี่ยมเยือนมา เช่น ไต้หวัน ไทย และเวียดนาม ไม่เคยประสบปัญหาด้านอัตลักษณ์ทางเพศเลยแม้แต่น้อย และนั้นจึงเป็นเหตุให้เธอคาดหวังว่าที่เมืองเขตบริหารพิเศษแห่งนี้ทุกอย่างคงจะราบรื่น แต่แทนที่จะได้สนุกกับการท่องเที่ยว พวกเธอกลับถูกปฏิเสธการเข้าเมืองหลังจากถูกซักถามโดยเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง ถึงจุดประสงค์ในการมาเยือนครั้งนี้ โดยพวกเธอถูกกักตัวเป็นเวลาประมาณ 12 ชั่วโมง ในพื้นที่ที่จัดไว้สำหรับผู้ชายเท่านั้น ก่อนที่จะถูกส่งตัวกลับมะนิลาในเที่ยวบินเช้าวันถัดมา

ทั้งสองใช้จ่ายไปประมาณ 13,200 ดอลลาร์ฮ่องกง (ประมาณ 58,500 บาท) สำหรับค่าโรงแรม, ค่าตั๋วล่วงหน้าดิสนีย์แลนด์, ค่ากระเช้านองปิง 360, ค่ารถรางพีคแทรม และค่าทัวร์รถบัส อีกทั้งยังมีแพลนหนึ่งวันที่จะแวะเวียนไปเมืองใกล้เคียงอย่างมาเก๊าอีกด้วย จึงทำให้ การเดินทางในครั้งนี้สร้างบาดแผลและเป็นประสบการณ์ที่บอบช้ำใจของมาร์โกซ์ หญิงข้ามเพศวัย 29 ปี นักวิเคราะห์เงินเดือนผู้ขอเอ่ยเพียงชื่อจริงเพื่อความเป็นส่วนตัว กล่าวกับสำนักข่าวในบ้านของเธอที่เมืองมะนิลา

“ฉันบอกกับลูกพี่ลูกน้องของฉันว่า ฉันคิดว่าฮ่องกงคงไม่ใช่ที่สำหรับพวกเราแล้วล่ะ และเราจะไม่กลับไปที่นั่นอีก”

แม้ฮ่องกงจะมีความเปลี่ยนแปลงในด้านสิทธิและเสรีภาพของคนเพศหลากหลายตลอดช่วงทศวรรษที่ผ่านมา และอย่างล่าสุดในปีนี้ที่รัฐบาลได้มีแก้ไขตัวบทกฎหมาย ให้คนข้ามเพศชาวฮ่องกงสามารถเปลี่ยนแปลงคำระบุเพศบนหน้าบัตรประชาชนได้ โดยไม่จำเป็นต้องเข้ารับการผ่าตัดแปลงเพศอย่างสมบูรณ์ แต่กลับเป็นสถานที่ที่ยังคงไม่ปลอดภัยสำหรับนักท่องเที่ยวเพศหลากหลายอย่างแท้จริง เนื่องจากพวกเขาจะถูกตรวจสอบอย่างเข้มงวดในเรื่องของ ชื่อ เพศสภาพ และวันเกิดบนเอกสารระบุตัวตนที่ออกโดยรัฐบาล โดยข้อมูลจาก Equaldex ระบุว่า แม้จะมีระบบศาลมากถึง 66 แห่ง ในหลายประเทศทั่วโลกที่อนุญาตให้ผู้คนเปลี่ยนแปลงคำระบุเพศบนเอกสารทางกฎหมายได้ แต่ในจำนวนนั้นมีมากถึง 32 แห่ง ที่ยังคงเรียกขอตรวจสอบใบรับรองการผ่าตัดแปลงเพศแบบสมบูรณ์หรือเอกสารคำวินิจฉัยทางการแพทย์ ซึ่งแน่นอนว่ามีฮ่องกงเป็นหนึ่งในนั้นด้วยเช่นกัน

แต่ที่ฟิลิปปินส์ผู้คนยังไม่สามารถเปลี่ยนคำระบุเพศตามอัตลักษณ์ทางเพศที่แท้จริงได้ ส่งผลให้เอกสารข้อมูลการจองตั๋วเครื่องบิน การจองที่พัก และการจองอื่น ๆ ของมาโกซ์ทั้งหมดกระทำโดยใช้ชื่อและเพศแต่กำเนิดของเธอ แม้เจ้าตัวจะระบุตนเป็นผู้หญิงมานานกว่า 10 ปี แต่เธอก็กล่าวว่า ตนไม่สามารถแสดงเอกสารทางการแพทย์เกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงเพศของเธอได้ เนื่องจากเธอยังไม่ได้ทำการผ่าตัดใด ๆ มาร์โกซ์ยังเผยอีกว่า เมื่อเธอพยายามขอคำชี้แจงถึงสาเหตุที่ตนและลูกพี่ลูกน้องถูกปฏิเสธการเข้าเมืองหลายครั้ง ตลอดช่วงเวลาที่พวกเธอถูกกักตัว เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองได้บอกเพียงแค่ว่า พวกเธอนั้น “ไม่ผ่านเงื่อนไขการตรวจคนเข้าเมือง”

ในคำตอบที่ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวท้องถิ่น แผนกตรวจคนเข้าเมืองฮ่องกงกล่าวว่า ไม่สามารถแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับกรณีเฉพาะเช่นนี้ได้ แต่ระบุว่าได้ดำเนินอย่างถูกต้องการตามกฎหมายและตามหลักนโยบายเพื่อจัดการกับกรณีดังกล่าว “เจ้าหน้าที่บริการตรวจคนเข้าเมืองทุกคน ได้รับการฝึกอบรมในการให้บริการอย่างมีคุณภาพโดยไม่เลือกปฏิบัติ และให้ความเคารพ ความเอาใจใส่ และความเห็นอกเห็นใจแก่ทุกคนโดยไม่คำนึงถึงความพิการ, เพศ, สถานะการสมรส, การตั้งครรภ์, สถานะครอบครัว, เชื้อชาติ, สัญชาติ และศาสนา” ผู้แทนจากแผนกตรวจคนเข้าเมืองของฮ่องกงกล่าว

Content by kulkul

Graphic by tonfernjiew

อ้างอิง

scmp: https://bit.ly/4f3f618

#SPECTRUM #พื้นที่ความคิดของทุกสีสัน

“กรุณาแสดงความเห็นอย่างสุภาพและสร้างสรรค์ ทีมงานสงวนสิทธิ์ในการลบหรือดำเนินการตามสมควร กับความเห็นที่สร้างความเกลียดชัง (hate speech) หรือละเมิดสิทธิของบุคคลอื่น”

a senior baby girl