Spectrum

“เราเข้าใจอัตลักษณ์ทางเพศของตัวเองจากมะละกอ” เสวนา LGBTQ+ Issue in Children’s Education โดยมะปราง จิราเจต วิเศษดอนหวาย

3 นาที

3

Share to

กุมภาพันธ์ 22, 2025

3 นาที

3

กุมภาพันธ์ 22, 2025

Share to

“ปัจจุบันการเรียนรู้เรื่องเพศในประเทศแถบเอเชีย โดยเฉพาะเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ยังอิงองค์ความรู้จากโลกตะวันตกอยู่มาก และบางครั้งก็ไกลตัวเยาวชนของเรามากไปจนทำให้ทั้งเด็กทั้งครูไม่ค่อยเข้าใจ หรือคิดว่าเรื่องเพศเป็นเรื่องไกลตัว”

เช้าวันที่  21 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา นักการศึกษาและศิลปินเพศหลากหลายเข้าร่วมงานเสวนาในหัวข้อ  “LGBTQ+ Issue in Children’s Education” เพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในประเด็นปัญหาที่เยาวชน LGBTQ+ ต้องเจอในระบบการศึกษา โดยมีผู้ร่วมเสวนาหลักคือ คุณ Kyoka Takeuchi นักวิจัยนอนไบนารี จากมหาวิทยาลัย Kwansei Gakuin ประเทศญี่ปุ่น, คุณ Sonja Pei ผู้ก่อตั้ง Rainbow PANDA Asia, และคุณ มะปราง จิราเจต นักศึกษาป.โท จากสถาบันแห่งชาติเพื่อการพัฒนาเด็กและครอบครัว มหาวิทยาลัยมหิดล สาขานวัตกรรมเพื่อการพัฒนาและคุ้มครองเด็กและนักรณรงค์สิทธิความเป็นธรรมทางเพศ โดยเนื้อหาเสวนาพูดถึงปัญหาหลักสูตรการศึกษาที่ทั้งไทย ญี่ปุ่น และสิงคโปร์มีร่วมกันคือหลักสูตรเพศศึกษาที่เน้นสอนเรื่องร่างกายและระบบสืบพันธ์ุที่แบ่งตามระบบไบนารีที่มีเพียงชาย-หญิง ซึ่งละเลยการมีอยู่ของนักเรียนอัตลักษณ์อื่น ๆ ในสเปกตรัมทางเพศวิถีและอัตลักษณ์

“พูดง่าย ๆ ระบบการศึกษาตามหลักสูตรสอนให้คนเป็นสเตรทนั่นแหละ”

คุณ Sonja แชร์ประสบการณ์ว่าการเป็นนักเรียนในโรงเรียนที่อิงหลักสอนทางศาสนา ในประเทศที่มี ‘ชายจริงหญิงแท้’ เป็นเพศกระแสหลักทำให้ไม่มีโอกาสในการสำรวจเพศและตัวตนของตัวเองนัก จนกระทั่งย้ายไปเรียนต่อที่ประเทศนอร์เวย์ที่มีคุณครูท่านหนึ่งในโรงเรียนที่เป็นเกย์อย่างเปิดเผย การมีอยู่ของครูและผู้ใหญ่เควียร์ที่ใช้ชีวิตอย่างปกติธรรมดานี่แหละที่ทำให้ได้เรียนรู้ว่ามีความเป็นไปได้อื่น ๆ นอกจากการเป็นหญิงชายตรงตามเพศกำหนดที่รักชอบคนเพศตรงข้าม และด้วยเหตุนี้การเปิดตัวเป็นอาจารย์ที่เป็นเควียร์จึงเป็นเรื่องที่คุณ Sonja ให้ความสำคัญ เพราะมุ่งมั่นจะสร้างพื้นที่ปลอดภัยให้เยาวชนและนักศึกษาเควียร์ในญี่ปุ่น ประเทศที่การเป็นคนเพศหลากหลายยังไม่ถูกมองเห็นมากนัก  และจากคำบอกเล่าของ คุณ Kyoka สุขภาพจิตของเยาวชนเควียร์ในญี่ปุ่นยังคงเป็นปัญหา ยังมีเด็กที่ถูกรังแก ทำร้ายร่างกาย และจากไปด้วยโรคซึมเศร้า

ในขณะที่ประเทศไทยดูเหมือนจะมีสถานการณ์ ‘การยอมรับ’ ความหลากหลายทางเพศอยู่ในระดับดี ประเมินจากกฎหมายที่เอื้อให้คนเพศหลากหลายได้มีสิทธิเท่าเทียมอย่างการสมรสของคนเพศเดียวกัน และความอะลุ่มอล่วยเรื่องเครื่องแบบของนักเรียนและนักศึกษาข้ามเพศ แต่การศึกษาเรื่องเพศสำหรับเยาวชนในพื้นที่ไกลเมืองใหญ่ยังเป็นเรื่องที่ท้าทายครูและบุคลากรทางการศึกษา คุณมะปรางเล่าว่าการใช้องค์ความรู้จากตะวันตกอาจไกลตัวไป จึงได้มีการทดลองรูปแบบการศึกษาใหม่ ๆ ที่ใกล้ตัวเด็ก ๆ อย่าง Queer Ecology ที่ใช้ธรรมชาติเป็นสื่อกลางในการพูดเรื่องเพศ เพราะธรรมชาติเต็มไปด้วยความแตกต่างหลากหลาย และทุกความหลากหลายนี้อยู่ร่วมกันได้ในระบบนิเวศน์ คุณมะปรางยังแชร์อีกว่าเมื่อยังเด็กเคยเห็นการตัดมะละกอที่เป็น ‘ต้นกะเทย’ ทิ้ง ต่อมาในวัยที่โตขึ้นจึงได้ศึกษาเรื่อง Queer Ecology ที่ว่าด้วยการพึ่งพาอาศัยและอยู่ร่วมกันของธรรมชาติที่เต็มไปด้วยความแตกต่าง แนวคิดนี้ไม่เพียงประยุกต์ใช้กับการศึกษาเรื่องเพศเท่านั้น แต่ยังช่วยให้สร้างพื้นที่ปลอดภัยให้เยาวชนที่มีความหลากหลายทางการรับรู้และการเรียนรู้ เช่น ภาวะบกพร่องทางการอ่านหรือการเรียนอีกด้วย (Reading Disorder, Learning Disorder)

นักการศึกษาทั้งสามคนสรุปจบเสวนาด้วยความหวังและเป้าหมายว่าการนำองค์ความรู้เควียร์ และเครื่องมือที่ชุมชนร่วมกันคิดว่าเพื่อเยาวชนไปปรับใช้กับระบบการศึกษาแกนหลักนั้นยังต้องใช้เวลาและการทำงานอย่างต่อเนื่องจากภาคสังคมและเอกชนต่อไป

#PridePlayground #SoutheastAsianQueerCulturalFestival #QueerEcology #QueerKids

#SPECTRUM #พื้นที่ความคิดของทุกสีสัน

“กรุณาแสดงความเห็นอย่างสุภาพและสร้างสรรค์ ทีมงานสงวนสิทธิ์ในการลบหรือดำเนินการตามสมควร กับความเห็นที่สร้างความเกลียดชัง (hate speech) หรือละเมิดสิทธิของบุคคลอื่น”

a senior baby girl