Spectrum

แด่เธอ… ผู้ใช้ปากกาปลดปล่อยความเป็นหญิง ชวนย้อนรอยนักเขียนหญิงที่ท้าทายมายาคติผ่านงานเขียน เนื่องในวันสตรีสากล

3 นาที

3

Share to

มีนาคม 8, 2025

3 นาที

3

มีนาคม 8, 2025

Share to

เดือนมีนาคมวนกลับมาอีกครั้ง นอกจากจะเป็นเดือนที่สามแห่งปีที่เริ่มมีการเปลี่ยนผ่านในหลายแง่ เดือนนี้ยังเป็นเดือนที่มีวันสำคัญอย่าง ‘วันสตรีสากล’ (International Women’s Day) และยังเป็นเดือนที่ถูกกำหนดให้เป็นเดือนแห่งประวัติศาสตร์สตรี เพื่อเป็นเกียรติแก่การต่อสู้เพื่อความเท่าเทียมทางเพศอีกด้วย

เนื่องในโอกาสวันสตรีสากล Spectrum จึงอยากชวนท่านผู้อ่านมาสำรวจและทำความเข้าใจในบริบทของผู้หญิงกับวงการวรรณกรรมว่ามีความเป็นมาอย่างไร อะไรคือข้อท้าทาย และเหล่านักเขียนหญิงมักมีการต่อรองหรือต่อสู้เพื่อช่วงชิงความหมายเหล่านั้นอย่างไร

โลกที่ ‘เสียง’ ของผู้หญิงไม่ค่อยถูกรับฟัง ถ้อยคำของพวกเธอถูกทำให้เบาบางลงด้วยข้อกรอบทางเพศที่มาจากมายาคติที่สังคมชายเป็นใหญ่มอบให้ แต่เชื่อไหมว่ายังมีผู้หญิงอีกมาก ที่เลือกหยิบกระดาษและปากกามาบันทึกเรื่องราวเพื่อบอกเล่าและท้าทายขนบความเชื่อแบบเดิม ๆ รวมถึงยังสร้างพื้นที่ใหม่ ๆ เพื่อขยับพรมแดนให้องค์ความรู้และสิทธิเสียงของผู้หญิงให้มีที่ทางอยู่เสมอ

ในอดีต ผู้หญิงมักถูกจำกัดให้อยู่แต่เพียงในพื้นที่ส่วนตัวในบ้าน ส่วนพื้นที่สาธารณะนอกบ้านมักมองว่าเป็นพื้นที่ของผู้ชาย นั่นอาจเท่ากับว่า ‘โลกทางสังคม’ ที่มีฐานะ การศึกษา ยศถาบรรดาศักดิ์ ล้วนแล้วแต่เป็นเรื่องของผู้ชายแต่เพียงเท่านั้น นั่นนำมาสู่การผูกขาดองค์ความรู้แบบชาย ๆ ทั้งเนื้อหาการศึกษา มุมมองการมองโลก และอคติในการเลือกจัดสรรปันส่วนบทบาททางสังคม ซึ่งเมื่อผู้ชายผูกขาดองค์ความรู้ นั่นจึงนำมาสู่การกดทับผู้หญิงอีกหลายด้าน

หนึ่งในนั้นคือ ‘วงการวรรณกรรม’ การที่ถูกกีดกันจากการได้เรียนเขียนอ่าน แทบทำให้ตัวอักษรของผู้หญิงแทบจะได้สิทธิเสียง ด้วยสมการ “ผู้ชาย = เหตุผล ส่วนผู้หญิง = อารมณ์” ยิ่งตีตราผู้หญิงว่าเรื่องราวของพวกเธอนั้นไม่มีน้ำหนักและไร้ซึ่งตรรกะ แต่ถึงอย่างนั้น ‘การเขียน’ ก็เป็นหนึ่งในอาวุธสำคัญที่นักเขียนหญิงและนักเขียนแนวสตรีนิยมใช้ขับเคลื่อนเพื่อความเท่าเทียมทางเพศอยู่เสมอ 

“อะไร ๆ ก็เป็นไปได้ทั้งนั้นสำหรับผู้หญิง ถ้าหยุดมองพวกเธอว่าเป็นแค่สิ่งของที่ต้องได้รับการปกป้องคุ้มครอง” (โดย Virginia Woolf จากหนังสือ A Room of One’s Own)

ในยุคแรกเริ่ม หลายท่านอาจพอคุ้นชื่อกับ ‘เวอร์จิเนีย วูล์ฟ’ (Virginia Woolf) (1882-1941) เธอคือนักเขียนหญิงในยุคแรกเริ่มที่ริเริ่มสร้างสรรค์เรื่องราวของผู้หญิงด้วยปลายปากกาและผลักดันแนวคิดสตรีนิยมในวรรณกรรม ท่ามกลางบริบทที่ผู้หญิงชาวสหราชอาณาจักรเพิ่งได้รับสิทธิในการเลือกตั้งอย่างเท่าเทียมกันกับผู้ชายหลังต่อสู้มาอย่างยาวนานหลายปี เพราะก่อนหน้านั้นผู้หญิงอังกฤษจะยังไม่ได้รับอนุญาตลงคะแนนเสียง เนื่องจากยังไม่มีวุฒิภาวะทางอารมณ์มากพอสำหรับโลกบุรุษ หนึ่งในผลงานชิ้นเอกของเธออย่าง A Room of One’s Own ของเธอเรียกได้ว่าเป็นการโต้กลับถึง ‘พื้นที่ส่วนตัว’ ของผู้หญิง ผ่านการเล่าเรื่องแบบกระแสสำนึก (Stream of Consciousness) ที่ว่าด้วยการเล่าแบบใช้ความคิดในใจของตัวละครเป็นดำเนินเรื่องราว สำหรับเราแล้วมองว่าในเชิงเนื้อหาของเล่มนี้ก็พูดถึงปัญหาคลาสสิกของความไม่เท่าเทียมทางเพศอย่างบทบาททางเพศในครอบครัวได้อย่างตรงไปตรงมา และถึงแม้ว่าน้ำเสียงจะเล่าไปด้วยความโกรธ แต่นั่นก็เป็นการบอกเล่าถึงประสบการณ์ของผู้หญิงได้เป็นอย่างดี อนึ่ง A Room of One’s Own กลายมาเป็นวรรณกรรมชิ้นสำคัญสำหรับการศึกษาแนวคิดเชิงสตรีนิยมจนถึงปัจจุบัน

“หากผู้หญิงคนใดรู้สึกว่าต้องการอะไรบางอย่างที่เกิดกว่าที่ตัวเธอเป็น ไม่ว่าจะเป็นเพื่อสร้างความชอบธรรม หรือความถูกต้องเพื่อยืนยันการมีอยู่ของตัวเธอ นั่นคือเธอได้มอบพลังในการนิยามตัวตนของเธอให้คนอื่นไปแล้ว” (โดย bell hooks จากหนังสือ Feminism is for Everybody: Passionate Politics)

นักวรรณกรรมคนถัดมาที่น่าสนใจไม่แพ้กันคือ ‘เบลล์ ฮุกส์’ (bell hooks) (1952-2021) เธอคือนักคิด อาจารย์มหาวิทยาลัย และนักเขียนผิวดำคนสำคัญที่ใช้งานเขียนขับเคลื่อนแนวคิดสตรีนิยมและอัตลักษณ์ทับซ้อน (intersectionality) เธอคือเจ้าของผลงานดังหลายชิ้น ทั้ง all about love: new visions (1999), the will to change (2004), Feminism is for Everybody: Passionate Politics (2000) และผลงานสุดคลาสสิกอย่าง Ain’t I a Woman? (1981) ที่ทำให้เธอเป็นที่ถูกจดจำในการบอกเล่าถึงสิ่งที่ผู้หญิงผิวดำในอเมริกาต้องประสบพบเจอในการถูกเลือกปฏิบัติด้วยเหตุแห่งเพศ และถูกเลือกปฏิบัติด้วยชาติพันธุ์กำเนิดและสีผิวไปพร้อม ๆ กัน ตั้งแต่ยุคทาสจนถึงยุคเฟมินิสต์ตะวันตกเฟื่องฟู ซึ่งนอกจากจะบอกเล่าประสบการณ์ร่วมของผู้หญิงผิวดำอย่างตรงไปตรงมาแล้วนั้น เธอยังเคยวิเคราะห์ว่า ผู้หญิงที่ถูกนำเสนอในสื่อมักมีส่วนประกอบของ ‘ผิวขาว ทุนนิยม และปิตาธิปไตย’ เป็นสำคัญ เรียกได้ว่าผลงานจากปลายปากกาของฮุกส์หลายชิ้น ได้ช่วยชีวิตใครหลายคนเอาไว้อย่างทรงพลัง อีกทั้งยังทำให้เรามองเห็นภาพของโลกที่เท่าเทียมอย่างมีความหวังอีกด้วย

“เพราะอะไรกันนะ ทั้งหมดดูแปลกแปร่งไปหมด เหมือนฉันอยู่ด้านหลังอะไรบางอย่าง เหมือนถูกขังในประตูที่ไร้ลูกบิด ไม่ใช่สิ หรือฉันอยู่ที่นี่มาตั้งแต่แรกแล้ว แต่เพิ่งรู้ตัว มันมืดไปหมด ทุกอย่างถูกบดขยี้อยู่ในความมืด” (โดย Han Kang จากหนังสือ The Vegetarian แปลไทยโดยสำนักพิมพ์ page)

ฮัน คัง (Han Kang) (1970-ปัจจุบัน) คือนักเขียนหญิงคนล่าสุดที่คว้ารางวัลโนเบลสาขาวรรณกรรมจากหนังสือ The Vegetarian ที่บอกเล่าเรื่องราวของหญิงสาวชาวเกาหลีใต้ที่เป็นมังสวิรัติ ด้วยบริบทของประเทศที่มักมีเนื้อสัตว์เป็นส่วนสำคัญในอาหารจานหลักนั้นทำให้เธอถูกคนรอบข้างมองว่าเป็นตัวประหลาด การที่เธอเลือกไม่กินเนื้อสัตว์นั้นทำให้เธอกลายเป็นคนชายขอบเพราะไม่เป็นไปตามสังคมกระแสหลัก ซึ่งในโลกที่ร่างกายของผู้หญิงถูกจับจ้องอยู่เสมอ บ้างก็คิดว่าเพราะคลั่งผอมต้องการให้ร่างกายตัวเองเป็นไปตามมาตรฐานความงาม แต่ The Vegetarian นั้นก็ชวนตั้งคำถามว่าการที่ผู้หญิงคนหนึ่ง ‘เลือก’ ที่จะใช้ชีวิตแบบนี้นั้น นั่นอาจเป็นไปตามความปรารถนาของเธอเองก็ได้ ซึ่งสำหรับเราเองที่ได้มีโอกาสอ่านวรรณกรรมแล้วนี้ก็คิดเห็นไม่ต่างกันว่า เป็นเพราะปิตาธิปไตยและความสัมพันธ์เชิงอำนาจที่ซ็อนทับกับมิติทางเพศนั่นหรือเปล่า ที่ทำให้ใครหลายคนรู้สึกแปลกแยกไปจากร่างกายของตัวเองได้ขนาดนี้ช

ถึงแม้ว่านักเขียน 3 ท่านที่เรายกมาข้างต้นนั้น จะเติบโตและขับเคลื่อนงานเขียนและสิทธิสตรีต่างยุคสมัยและสังคมกัน แต่สิ่งที่พวกเธอมีไม่ต่างกันคือ พลังในการเล่าเรื่องผ่านมุมมองของผู้หญิงเพื่อโต้ตอบกับการกดขี่ทั้งทางเพศ เชื้อชาติ ชนชั้นฐานะ และมายาคติทางเพศ อาจเรียกได้ว่านี่คือพลังของการมองแบบผู้หญิง (Female gaze) ซึ่งหมายถึงการสร้างสรรค์เนื้อหาที่ตัวละครหญิงสามารถเป็นตัวของตัวเองได้ (หาใช่การแปะป้ายว่าผู้ชายเป็นวัตถุทางเพศ) ซึ่งพวกเธอไม่ได้ปลดแอกเพียงแค่การตีตราจากผู้หญิงเท่านั้น แต่ยังเสริมพลังด้วยการใช้อาวุธอย่างปลายปากกาอีกด้วย

การที่ ฮัน คัง ได้รับรางวัลโนเบลคือความสำเร็จหนึ่งเท่านั้น โลกเรายังต้องการนักเขียนและผู้สร้างสรรค์หญิงอีกมากในเนื้อหาหลากหลายประเภท เพราะพลังในการเล่าเรื่องของผู้หญิงยังคงมีอยู่ ทั้งนี้เพื่อปลดปล่อย เสริมพลัง และโอบรับทุกตัวตนที่หลากหลายในโลกใบนี้อีกต่อ ๆ ไป

#InternationalWomensDay #VirginiaWoolf #bellhooks #HanKang #วันสตรีสากล #ผู้หญิง #นักเขียนหญิง #วรรณกรรม 

อ้างอิง :

National Women’s History Museum: https://www.britannica.com/biography/Virginia-Woolf

Britannica: https://www.britannica.com/biography/Virginia-Woolf

The New York Times: https://www.nytimes.com/2021/12/15/books/bell-hooks-dead.html

Spectrum: https://www.facebook.com/photo.php?fbid=769778890380450&id=276483199710024&set=a.276495186375492

-หนังสือ A Room of One’s Own เขียนโดย Virginia Woolf

-หนังสือ Feminism is for Everybody: Passionate Politics เขียนโดย bell hooks

-หนังสือ The Vegetarian  เขียนโดย Han Kang แปลไทยโดยสำนักพิมพ์ page)

Content by Rosalyn J.
Graphic by frogman

#SPECTRUM #พื้นที่ความคิดของทุกสีสัน

“กรุณาแสดงความเห็นอย่างสุภาพและสร้างสรรค์ ทีมงานสงวนสิทธิ์ในการลบหรือดำเนินการตามสมควร กับความเห็นที่สร้างความเกลียดชัง (hate speech) หรือละเมิดสิทธิของบุคคลอื่น”

a senior baby girl