หวัง เจงยี่ (Wang Zengyi และ ซ่ง จีฮาน (Song Jihan) จดทะเบียนสมรสในกรุงเทพฯ แม้จะทราบดีว่าการจดทะเบียนครั้งนี้จะไม่มีผลทางกฎหมายในประเทศจีน ที่การเป็นคนรักเพศเดียวกันไม่ผิดกฎหมายแล้ว แต่การสมรสระหว่างคนเพศเดียวกันยังทำไม่ได้
“แม้ทะเบียนสมรสนี้จะไม่มีความหมายในจีน แต่ในใจเรา เราได้แต่งงานกัน และเราได้รับการยอมรับในไทยแล้ว”
หวังและซ่งหวังได้รับความช่วยเหลือจากเพื่อนพ้องและเอเจนซีในการจัดหาบริการทั้งการดำเนินเอกสาร การจดทะเบียน และการจัดงานแต่งงาน คู่รักและผู้เกี่ยวข้องหวังว่าการแต่งงานในครั้งนี้จะทำให้ชาวจีนที่ต้องปกปิดตัวตนอยู่ที่ประเทศจีนเห็นช่องทางในการมีชีวิตที่อิสระขึ้น และหวังว่าจะมีคู่รักอื่นทำตามได้ โอเว่น ซู (Owen Zhu) นายหน้าอสังหาชาวจีนที่อยู่ในไทยเสริมว่ามีคู่รักชาวจีนจำนวนมากกำลังหาช่องทางย้ายมาอยู่ที่ไทย และเชื่อว่าหากเศรษฐกิจไทยจะเติบโตขึ้นได้หากคู่รักชาวจีนเดินทางมาจดทะเบียนและจัดงานแต่งงานที่นี่ รวมไปถึงการย้ายเข้ามาทำงานและใช้ชีวิตในไทย
“ตอนอยู่ที่จีนคู่รักไม่กล้าจูบกัน ไม่กล้าแม้จะจับมือ แต่ที่ไทยทุกคนเป็นตัวเองและแสดงความรักได้”
หลัง #สมรสเท่าเทียม ถูกกฎหมายเมื่อวันที่ 23 มกราคมในปีนี้ นอกจากคู่รักชาวไทย และคู่รักระหว่างชาวไทยและชาวต่างชาติ ก็มีคู่รักที่เป็นต่างชาติเดินทางเข้ามาจดทะเบียนสมรสด้วย เนื่องจากประเทศไทยเปิดกว้างให้การสมรสระหว่างชาวต่างชาติทำได้หากมีเอกสารครบถ้วน อันได้แก่พาสปอร์ต (หนังสือเดินทาง) ใบตรวจคนเข้าเมือง (TM.6) หนังสือรับรองสถานภาพโสดจากสถานทูตของประเทศนั้น ๆ พร้อมทั้งได้รับการรับรองจากกรมการกงสุล มีการคาดการณ์ว่ากฎหมายนี้จะทำให้ประเทศไทยกลายเป็นจุดหมายปลายทางของคู่รักเพศเดียวกันและชุมชนเพศหลากหลายที่จะเดินทางเข้ามาจดทะเบียนสมรส จัดงานแต่งงาน และย้ายถิ่นฐานมาที่นี่ ซึ่งนอกจากจะส่งผลต่อการกระตุ้นเศรษฐกิจแล้ว ภาคประชนยังคาดหวังว่าการเปิดกว้างนี้จะทำให้สังคมไทยกลายเป็นสังคมที่โอบรับความหลากหลายไว้ได้จริง รวมทั้งมีความก้าวหน้าเรื่องกฎหมายและการใช้ชีวิตที่คนเพศหลากหลายมีสิทธิมีเสียง มีกฎหมายรับรอง
#GayinChina #EqualMarriage #สมรสเท่าเทียม #พรบรับรองเพศ
Content by Ms. Chapman
Graphic by Kasidit Taranabhaiboon
อ้างอิง
SCMP: https://bit.ly/45FEedm
1Claws: https://bit.ly/43KOjmK
#SPECTRUM #พื้นที่ความคิดของทุกสีสัน
“กรุณาแสดงความเห็นอย่างสุภาพและสร้างสรรค์ ทีมงานสงวนสิทธิ์ในการลบหรือดำเนินการตามสมควร กับความเห็นที่สร้างความเกลียดชัง (hate speech) หรือละเมิดสิทธิของบุคคลอื่น”