อลัน เวลส์ เอ็กซ์แพ็ทชาวอังกฤษและภรรยาของเขารู้สึกเจ็บปวดใจอย่างมาก จากการตัดสินใจของโรงเรียนอนุบาลเทเคียว (Teikyo) ในเขตบริหารพิเศษฮ่องกง ที่ปฏิเสธไม่ให้ลูกชายวัย 2 ขวบผู้มีความพิการทางร่างกายได้เข้ารับการศึกษาต่อ ด้วยเหตุเพียงเพราะเป็นเด็กพิการ
อลัน ชายชาวอังกฤษ พนักงานด้านการเงินวัย 38 ปี ผู้อาศัยอยู่ที่ฮ่องกงมากว่า 13 ปี ได้เข้ายื่นเรื่องร้องเรียนต่อคณะกรรมการสิทธิความเท่าเทียมฮ่องกง (EOC) ไปเมื่อเดือนตุลาคม แต่เมื่อวันศุกร์ (29 พ.ย.) ที่ผ่านมา คณะกรรมการกล่าวว่าจะพิจารณายุติการสอบสวน โดยระบุสาเหตุว่า “ข้อกล่าวหาดูเหมือนจะขาดสาระสำคัญ” และเห็นว่าการตัดสินใจของโรงเรียนนั้นเป็น “การตัดสินใจที่มีเหตุผล” อีกทั้งทางโรงเรียนก็ได้ออกมาปฏิเสธทุกข้อกล่าวหาและแย้งว่าไม่มีทรัพยากรเพียงพอที่จะรองรับเด็กชายคนดังกล่าว ซึ่งได้เข้าเรียนในชั้นเตรียมอนุบาลมานานประมาณหนึ่งปีแล้ว อลันผู้เป็นพ่อกลับแย้งว่ามันคือการเลือกปฏิบัติอย่างโจ่งแจ้ง เขากล่าวว่า “นี่เป็นการตัดสินใจฝ่ายเดียวที่เกิดจากการขาดการใคร่ครวญและความเอาใจใส่ ซึ่งล้วนเจาะจงมาที่ลูกชายของผมแต่เพียงผู้เดียว”
ลูกชายของอลันได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรงจากไขสันหลัง (spinal muscular atrophy) ซึ่งเป็นโรคทางพันธุกรรมหายากที่ทำให้กล้ามเนื้ออ่อนแรงตั้งแต่อายุแค่ 7 เดือน โรคนี้ทำให้เด็กชายต้องเผชิญกับความท้าทายทางร่างกายไปตลอดชีวิต เขาจะไม่สามารถเดินได้ แต่สามารถใช้มือและแขนได้ แต่ก็ใช้ได้เพียงในขอบเขตที่จำกัด อีกทั้งยังต้องการยารักษาและการบำบัดทางกายภาพอย่างสม่ำเสมอ นอกจากนี้ เด็กชายยังเสี่ยงที่จะเป็นโรคสกอลิโซซิส (scoliosis) ซึ่งเป็นการบิดงอของกระดูกสันหลังที่อาจเกิดขึ้นเมื่อกล้ามเนื้อไม่สามารถรองรับการจัดตำแหน่งกระดูกสันหลังที่เหมาะสมเมื่อร่างกายเติบโตขึ้น “เราไม่รู้ว่าเรามีเวลาเหลือเท่าไหร่ แพทย์บอกเราได้แค่ไหน แต่เราจะทำทุกทางเพื่อให้เขามีชีวิตที่ปกติที่สุดเท่าที่จะทำได้ ตราบใดที่เรายังมีเวลา” อลันกล่าว
การตัดสินใจของโรงเรียนในครั้งนี้ ทำให้ลูกชายของอลันไม่มีที่เรียนและเกิดความล่าช้าในการเข้าถึงศึกษา ทั้งที่ในก่อนหน้านี้ มามิ โมริ ครูใหญ่ของโรงเรียนได้ให้คำมั่นสัญญาว่า ลูกชายของอลันจะสามารถเข้าศึกษาต่อที่โรงเรียนอนุบาลได้ทันที หลังจากเรียนจบหลักสูตรเตรียมอนุบาล แต่เมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา โรงเรียนกลับปฏิเสธการสมัครเข้าเรียนของเด็กชาย ทั้งที่ระหว่างการเรียนที่โรงเรียนเตรียมอนุบาลไม่มีปัญหาใด ๆ โดยปกติเด็กชายจะเข้าเรียนที่โรงเรียนสองครั้งต่อสัปดาห์ พร้อมกับผู้ช่วยที่คอยดูแลในเรื่องของการเคลื่อนไหวร่างกายและความปลอดภัยของเขา
ด้านครูใหญ่ก็ได้ออกมากล่าวว่า “เราไม่สามารถรับประกันความปลอดภัยและความเป็นอยู่ของเด็กชาย หากเขาต้องเข้าเรียนในชั้นอนุบาลเต็มเวลา เนื่องจากสถาบันขาดแคลนทรัพยากรที่เหมาะสม ทั้งในด้านบุคลากรและสิ่งอำนวยความสะดวก” เธอไม่ได้ยืนยันว่าเธอได้ให้คำมั่นสัญญากับครอบครัวหรือไม่ โดยกล่าวว่าเป็นการแสดงความคิดเห็นส่วนตัวของเจ้าหน้าที่คนอื่นที่ มามิ โมริ กล่าวขอโทษที่ทำให้เกิด ‘ความเข้าใจผิดหรือความไม่ประทับใจ’ เธอเสริมว่า โรงเรียนอนุบาลเทเคียวเป็นตึกสามชั้นที่ไม่มีการติดตั้งลิฟต์ และไม่ได้ออกแบบเป็นอาคารที่ปราศจากสิ่งกีดขวาง
ภายใต้พระราชบัญญัติคุ้มครองสิทธิผู้พิการของฮ่องกง การเลือกปฏิบัติต่อผู้เรียนที่มีความพิการในสถานศึกษาเป็นสิ่งที่ผิดกฎหมาย โรงเรียนจะต้องให้ความช่วยเหลือที่สมเหตุสมผลหรือความต้องการพิเศษอื่น ๆ เช่น การช่วยเหลือ สิ่งอำนวยความสะดวก หรือบริการต่าง ๆ แก่ผู้เรียนที่มีความพิการ ยกเว้นว่าการกระทำเหล่านั้นจะก่อให้เกิด ‘ความยากลำบากที่ไม่สมเหตุสมผล’ โดยพิจารณาความยากลำบากดังกล่าวตามความสมเหตุสมผลในการรับผู้พิการเข้าเรียน ผลกระทบของรูปแบบความพิการที่อาจมีต่อผู้ร่วมชั้นเรียน สถานะทางการเงินของสถาบันการศึกษา และค่าใช้จ่ายที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในการให้บริการที่จำเป็นต่าง ๆ
คณะกรรมการเห็นว่าการตัดสินใจไม่ให้เข้าศึกษาต่อของอนุบาลเทเคียวนั้น ไม่ได้เกิดจากการเลือกปฏิบัติแต่อย่างใด เนื่องจากสถาบันได้อนุญาตให้เด็กชายเข้าศึกษาในระดับเตรียมอนุบาล แต่การศึกษาต่อในระดับอนุบาลจำเป็นต้องอยู่ร่วมกันเป็นกลุ่ม และศักยภาพของบุคคลากรประจำสถาบัน (อัตราส่วนครูต่อนักเรียน 1:12) ณ ขณะนี้ มีไม่มากพอที่จะรับรองความปลอดภัยของเด็กชาย อย่างไรก็ตาม จาก 579 คำร้องเกี่ยวกับการเลือกปฏิบัติต่อผู้มีความพิการ คณะกรรมการชุดดังกล่าวได้ทำการยุติคำร้องไปมากถึง 60% ในปีนี้
Content by kulkul
Graphic by tonfernjiew
อ้างอิง
scmp: https://bit.ly/49jlwbc
#SPECTRUM #พื้นที่ความคิดของทุกสีสัน
“กรุณาแสดงความเห็นอย่างสุภาพและสร้างสรรค์ ทีมงานสงวนสิทธิ์ในการลบหรือดำเนินการตามสมควร กับความเห็นที่สร้างความเกลียดชัง (hate speech) หรือละเมิดสิทธิของบุคคลอื่น”
