Spectrum

4 เรื่องเบื้องลึกคดี SEAN ‘DIDDY’ COMBS จากแรปเปอร์ระดับตำนาน สู่ภัยคุกคามแห่งวงการฮอลลีวูด  

3 นาที

5

Share to

กันยายน 30, 2024

3 นาที

5

กันยายน 30, 2024

Share to

ณอน โคมส์ (Sean Combs) หรือ พัฟ แดดดี้ (Puff Daddy) หรือ พี ดิดดี้ (P. Diddy) หรือ ดิดดี้ (Diddy) หรือ พีดี (PD) หรือเลิฟ (Love) คือแรปเปอร์ระดับตำนาน ผู้บริหารค่ายเพลง และผู้ประกอบการรายใหญ่วัย 54 ปี เจ้าของรางวัลอันทรงเกียรติอย่าง ‘กุญแจสู่เมืองนิวยอร์ก (Honorary Key To The City of New York)’ ที่ตอนนี้ถูกริบคืนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เพราะในระยะเวลา 1 ปีที่ผ่านมา ภาพจำของเขาในฐานะพี่ใหญ่ผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของศิลปินระดับโลกได้พังทลายลงจนหมดสิ้น

ธาตุแท้ของโคมส์เริ่มปรากฏขึ้นหลังการฟ้องร้องคดีแพ่งโดย ‘แคสซี่ แคสซานดรา เวนทูร่า’ (Cassandra Ventura) เมื่อพฤศจิกายนของปีที่แล้ว จนเกิดกระแสการลุกฮือของคนในวงการบันเทิงที่เคยเผชิญการข่มขู่และคุกคามจากโคมส์ ปัจจุบันมีเหยื่อมากถึง 10 ราย ที่ออกมายื่นฟ้องชายคนเดียวกันในข้อหา ‘คุกคามทางเพศ’ 

จนเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่าน เจ้าหน้าที่กองกำลังติดอาวุธได้ทำการเข้าบุกค้นบ้านของดิดดี้ทั้งสองแห่งในไมอามี่และลอสแอนเจลิส และพบเข้ากับหลักฐานกองใหญ่ที่จะกระชากหน้ากากของ คน(ไม่เคย)ดี ออกจนหมดเปลือก 6 เดือนต่อมา ในวันที่ 16 กันยายน เจ้าหน้าที่ FBI ก็ได้บุกเข้าจับกุมตัวโคมส์ ณ โรงแรมแห่งหนึ่งในนครนิวยอร์ก พร้อมตั้งข้อกล่าวหาอย่างเป็นทางการในความผิด 3 กระทงใหญ่ ๆ ได้แก่

กระทงที่ 1 ฐานสมคบคิดฉ้อโกง (Racketeering Conspiracy)

กระทงที่ 2 ฐานค้ามนุษย์โดยใช้กำลัง กลลวง หรือ บีบบังคับ (Sex Trafficking by Force, Fraud, or Coercion)

กระทงที่ 3 ฐานขนส่งบุคคลเพื่อการค้าประเวณี (Transportation to Engage in Prostitution)

จากหน้าแรกสุดของเอกสารแจ้งข้อกล่าวหาความยาว 14 หน้า ที่ออกโดยศาลรัฐบาลกลางเมืองแมนฮัตตัน มี 6 ข้อหานั่นคือ การค้ามนุษย์ การใช้แรงงานบังคับ การลักพาตัว การวางเพลิงเผาทรัพย์ การติดสินบน และการขัดขวางกระบวนการยุติธรรม

การฟ้องร้องของ ‘เจน โด (Jane Doe)’ เกิดขึ้นในช่วงปลายปีที่แล้ว โดยเนื้อหาในคำฟ้องระบุว่า ในปี ค.ศ. 2003 ตอนที่โดมีอายุได้เพียง 17 ปี โคมส์ได้กระทำการข่มขืนเธอ เหตุการณ์ทั้งหมดเริ่มต้นจากการพบเจอกับคนรู้จักของโคมส์ที่เมืองมิชิแกน ก่อนที่โดจะถูกพาขึ้นเครื่องบินเจ็ทส่วนตัวมายังสตูดิโอของโคมส์ในนิวยอร์ก เธอเปิดเผยภาพถ่ายของตนที่กำลังนั่งอยู่บนตักของโคมส์ ณ สตูดิโอดังกล่าว เพื่อประกอบคำฟ้อง โดอ้างว่าวันหนึ่งโคมส์ได้แอบวางยา บังคับให้ดื่มแอลกอฮอล์ และลงมือข่มขืนเธอก่อนจะส่งตัวกลับบ้านในมิดเวสต์

เหตุการณ์ในทำนองเดียวกันเกิดขึ้นกับ ‘ไลซ่า การ์ดเนอร์ (Liza Gardner)’ ที่ออกมายื่นฟ้องโคมส์ในเดือนเดียวกัน การ์ดเนอร์อ้างว่า เธอถูกโคมส์ข่มขืนที่นิวยอร์กเช่นเดียวกัน แต่เหตุการณ์นั้นเกิดในปี ค.ศ. 1990 การ์ดเนอร์ระบุว่า เธอและเพื่อนสาวเจอกับโคมส์ในงานปาร์ตี้ หลังจบงาน โคมส์ยุยงให้พวกเธอดื่มแอลกอฮอล์จนเริ่มเมาก่อนจะบังคับขืนใจเธอร่วมกันกับเพื่อนของเขาอย่าง แอรอน ฮอลล์ (Aaron Hall) การ์ดเนอร์อ้างว่าโคมส์บีบคอเธอจนสำลักและสลบไป

เพื่อนของเธอเสริมว่า ตนก็ถูกข่มขืนด้วยเช่นกัน โดยโคมส์และฮอลล์จะสลับกันไปมาระหว่างร่างกายของพวกเธอสองคน 

‘จอย ดิกเคอร์สัน-นีล (Joi Dickerson-Neal)’ เป็นเหยื่ออีกรายในนครนิวยอร์ก ดิกเคอร์สัน-นีลอ้างว่า ใน ปี ค.ศ. 1991 โคมส์ข่มขืนเธอและถ่ายคลิปบันทึกเหตุการณ์ทั้งหมดไว้ ทำให้ในคำฟ้องของเธอระบุว่า ดิกเคอร์สัน-นีล นั้นเป็นเหยื่อของคลิปหลุดแอบถ่าย (Revenge porn) หนึ่งในอาชญากรรมทางเพศที่ยังคงเรื้อรังและแพร่เชื้อไปทั่วทุกพื้นที่บนโลก เธอกล่าวว่าโคมส์ได้นำคลิปดังกล่าวไปเผยแพร่ให้กับเพื่อนฝูงในวงการโดยไม่มีการขอความยินยอมจากเธอแม้แต่น้อย 

และคดีความที่เป็นจุดเริ่มต้นของการขุดค้นเรื่องราวทั้งหมด คือคดีของ ‘แคสซานดรา แคสซี่ เวนทูรา (Cassandra ‘Cassie’ Ventura)’ อดีตคนรักที่คบหากับโคมส์มาร่วม 11 ปี (ค.ศ. 2007 – 2018) คำฟ้องของเธอมอบความกล้าให้กับผู้หญิงทั้งสามคน และร่วมกันเปิดโปงการฉ้อโกงและโลกแห่งกามารมณ์ที่ไม่รู้จบสิ้น

เนื้อหาในคำฟ้องของแคสซี่อธิบายความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับโคมส์ไว้ด้วยคำว่า ‘ใช้กำลังและทารุณ (violent and abusive)’ เธอมักจะถูกทุบตีเป็นประจำจนต้องซ่อนตัวในโรงแรมเพื่อรอให้รอยฟกช้ำหายเป็นปกติ เธอกล่าวว่าโคมส์ข่มขืนเธอและบังคับให้เธอมีเพศสัมพันธ์กับชายขายบริการ พร้อมทั้งยังบันทึกวิดีโอของเหตุการณ์ไว้ทั้งหมด เนื้อหาส่วนนี้เองที่ดึงความสนใจของสาธารณชนและรัฐบาลจนทำให้ต่อมามีการออกหมายค้นบ้านโคมส์เกิดขึ้น

เหยื่อของโคมส์ไม่ได้มีแค่ผู้หญิง ‘รอดนีย์ โจนส์ (Rodney Jones)’ หรือ ‘ลิล ร็อด (Lil Rod)’ เป็นหนึ่งในเหยื่อที่ออกมายื่นฟ้องโคมส์ในเวลาไล่เลี่ยกันกับแคสซี่ โจนส์คือโปรดิวเซอร์ผู้ร่วมงานกับโคมส์ในผลงานอัลบั้มชุด The Love Album (2022) ปีเดียวกันกับที่โจนส์ถูกคุกคามและทารุณทางเพศอย่างสาหัส เขาอ้างว่าถูกโคมส์์สัมผัสและลูบคลำบริเวณทวารหนัก โคมส์มักจะบังคับให้โจนส์ทำงานในห้องน้ำขณะที่โคมส์เดินไปมาในสภาพเปลือยเปล่า โจนส์เผยอีกว่าเคยถูกโคมส์และทีมงานล่อลวงให้ยอมมีเพศสัมพันธ์ด้วย นอกจากนี้โจนส์ยังให้ข้อมูลที่สอดคล้องกับแคสซี่ว่าตนเคยถูกโคมส์บังคับให้มีเพศสัมพันธ์กับชายขายบริการและยังถูกวางยาเพื่อให้รู้สึกเคลิบเคลิ้มและสมยอม

การฟ้องร้องของโจนส์นั้นเป็นอีกหนึ่งจุดสำคัญ เนื่องจากมีการเปิดเผยเพิ่มเติมว่า โคมส์เป็นผู้ควบคุมและดำเนินการในกิจการค้าปืนและสารเสพติด โดยโจนส์อ้างว่าตนถูกบีบบังคับให้รับหน้าที่ถ่ายภาพ อัดวิดีโอ และบันทึกเสียงเป็นจำนวนกว่า 100 ไฟล์ ในทุกกิจกรรมทางการค้าที่ผิดกฎหมายของโคมส์และคู่ซื้อขาย 

แม้จะเป็นคดีแยกกันโดยสิ้นเชิง แต่กรณีของ ‘เกรซ โอ มาร์เคจ (Grace O’Marcaigh)’ ที่ออกมายื่นฟ้องลูกชายของโคมส์อย่าง คริสเตียน ‘คิง’ โคมส์ (Christian ‘King’ Comb) ในเดือนเมษายนที่ผ่านมา ด้วยข้อกล่าวหาที่ว่าเธอถูกบังคับให้มีออรัลเซ็กซ์กับคิงบนเรือยอร์ต เมื่อเดือนธันวาคม ปี ค.ศ. 2022 โคมส์นั้นเข้ามาเกี่ยวข้องกับคดีโดยการเป็นผู้ติดสินบนกับกัปตันเรือเพื่อปกปิดข่าวทั้งหมด

ถัดมาในเดือนพฤษภาคม อดีตนางแบบสาว ‘คริสตัล แมคคินนีย์ (Crystal McKinney)’ ยื่นฟ้องโคมส์ พร้อมเผยว่าเธอเป็นเหยื่ออีกรายจากสตูดิโอในนิวยอร์ก เมื่อปี ค.ศ. 2003 และในเดือนเดียวกันนี้เอง ‘เอพริล แลมโพรส (April Lampros)’ ยื่นฟ้องว่าถูกโคมส์ข่มขืนกระทำชำเรา 4 ครั้ง ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1995 จนถึงช่วงสิ้นปี ค.ศ. 2000 โดยเรื่องราวเริ่มต้นจากการพบเจอกันของทั้งสองในปี ค.ศ. 1994 ขณะที่แลมโพรสยังเป็นนักศึกษาแฟชั่น โคมส์ได้ให้สัญญาว่าจะพาเธอไปรู้จักกับผู้บริหารค่ายเพลงดัง และสนับสนุนเธอในการเข้าสู่วงการบันเทิงและแฟชั่นดั่งใจหวัง แต่เรื่องกลับพลิกผันเมื่อความสัมพันธ์ของเธอกับโคมส์เริ่มจะแปลกประหลาด เธอเผยผ่านเนื้อหาในคำฟ้องว่า โคมส์มักมีอาการโมโหร้ายเมื่อเธอขัดใจ เมื่อรู้ว่าเธออยู่กับผู้ชายคนอื่น และเมื่อเธอไม่ได้รับสายโทรศัพท์ของเขา จนต่อมาในปี ค.ศ. 1995 โคมส์์ก็ข่มขืนเธอ โคมส์เคยบังคับให้เธอทำออรัลเซ็กซ์ให้เขาในลานจอดรถ โคมส์บังคับให้เธอมีเพศสัมพันธ์กับ คิม พอร์เตอร์ (Kim Porter) อดีตภรรยาของเขา จนเกิดเป็นเหตุการณ์รักสามเส้าที่ทำลายชีวิตและหน้าที่การงานของแมคคินนีย์ไปโดยปริยาย

2 กรกฎาคม ที่ผ่านมา เอเดรีย อิงลิช (Adria English) เอนเตอร์เทนเนอร์และนักแสดงหนังผู้ใหญ่ ยื่นฟ้องโคมส์และผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในข้อหาค้ามนุษย์และล่วงละเมิดทางเพศ โดยอิงลิชระบุว่า ใน ปี ค.ศ. 2004 โคมส์ได้ว่าจ้างเธอให้เป็นหนึ่งในแดนเซอร์ของงาน ไวท์ ปาร์ตี้ (White Party) งานที่เธอกล่าวว่าเป็นเหมือน ‘ปาร์ตี้ซ้อนปาร์ตี้’ อีกทีนึง เพราะหลังจากที่เหล่าดารา นักแสดงเริ่มแยกย้าย จะมีกลุ่มผู้ทรงอิทธิพลจำนวนหนึ่งรอคอยการมาถึงของกิจกรรมต่อไปโดยอิงลิชถูกโคมส์บังคับให้มีเพศสัมพันธ์กับแขกคนอื่น ๆ ทนายของเธอยืนยันว่าแม้อิงลิชจะยินยอมทำตามคำสั่งของโคมส์ แต่ทั้งหมดล้วนเป็นการฝืนใจทำเนื่องจากเธอกลัวในอำนาจและอิทธิพลที่อาจส่งผลต่ออนาคตของตนเอง

ในเดือนนี้ ‘ดอว์น ริชาร์ด (Dawn Richard)’ อดีตสมาชิกเกิร์ลกรุ๊ปวง Destiny Kane ภายใต้สังกัดค่าย Bad Boy Records ของโคมส์ก็ได้ออกมายื่นฟ้องเขาด้วยเช่นกัน โดยอ้างว่าถูกโคมส์ล่วงละเมิดทางเพศและคุกคามทางเพศด้วยวาจา

และในวันที่ 24 กันยายน ‘ธาเลีย เกรฟส์ (Thalia Graves)’ เหยื่ออีกรายจากการลวงข่มขืนในสตูดิโอที่นิวยอร์กก็ได้ออกมายื่นฟ้องโคมส์ เกรฟส์ไม่ได้มีชื่อเสียงในวงการ เธอพบกับโคมส์ผ่านแฟนหนุ่มที่เคยเป็นอดีตพนักงานในค่ายเพลง Bad Boy Records จากคำแถลงของเกรฟส์ เหตุการณ์ทั้งหมดเกิดขึ้นเมื่อช่วงฤดูร้อน ปี ค.ศ. 2001 ในตอนนั้นโคมส์ติดต่อเธอมาเพื่อนัดคุยธุระเกี่ยวกับการเลื่อนตำแหน่งงานของแฟนหนุ่ม โคมส์ขับรถ SUV สีดำมาจอดรอที่บ้านของแม่เธอพร้อมพาบอร์ดี้การ์ดชื่อ โจเซฟ เชอร์แมน (Joseph Sherman) มาด้วย เมื่อขึ้นรถเธอได้ดื่มไวน์ที่โคมส์รินให้ก่อนจะรู้สึกวิงเวียนศีรษะ ทันทีที่ถึงสตูดิโอเกรฟส์หมดสติไป ก่อนจะตื่นขึ้นมาพบร่างกายในสภาพเปลือย แขนและขาถูกมัดด้วยอะไรบางอย่างที่คล้ายกับถุงพลาสติก ทันทีที่เชอร์แมนเห็นเธอได้สติเขาทำการอุ้มเธอขึ้นจากโซฟาและจับเธอกระแทกหน้าเข้ากับโต๊ะสนุกเกอร์ ก่อนที่โคมส์จะเข้ามาในห้องและข่มขืนเธอจนเธอหมดสติไปอีกหนึ่งครั้ง เธอหลั่งน้ำตาด้วยความเจ็บปวดทรมานแทบจะตลอดเวลาของการแถลงข่าว ที่เกิดขึ้นไม่กี่ชั่วโมงหลังการยื่นฟ้องร้อง

เกรฟส์กล่าวว่า “ความเจ็บปวดทั้งทางร่างกายและจิตใจนี้ได้สร้างวงจรแห่งความทุกข์ที่ยากจะหลุดพ้นให้กับชีวิตของเธอ”

นี่ไม่ใช่อาชญากรรมที่ก่อโดยบุคคล คณะบุคคล หรือห้างหุ้นส่วนจำกัด แต่เป็นสุดยอดองค์กรลับที่รัฐบาลกลางสหรัฐฯ เรียกมันว่า ‘องค์กรอาชญากรรมของโคมส์ (The Combs Criminal Enterprise)’ 

บรรทัดแรกสุดในหน้าที่ 1 ของเอกสารแจ้งข้อกล่าวหา ระบุว่า “กว่าหลายทศวรรษที่นายโคมส์ผู้เป็นจำเลยได้ทารุณ ข่มขู่ และบีบบังคับผู้หญิงและคนรอบตัวของตนให้สนองต่อความต้องการทางเพศ ปกป้องชื่อเสียง และปกปิดการกระทำผิด โดยโคมส์ได้กระทำการทั้งหมดผ่านการพึ่งพาเหล่าพนักงาน ทรัพยากร และอิทธิพลจากหลากหลายอาณาจักรธุรกิจที่เขาเป็นเจ้าของและผู้ควบคุมดูแล เกิดเป็นองค์กรอาชญากรรมที่มีสมาชิกและภาคีเป็นผู้มีส่วนร่วมและพยายามมีส่วนร่วมในการก่ออาชญากรรม”

การปรากฏอยู่ขององค์กรนี้นำมาซึ่งกระทงที่ 1 ของข้อกล่าวหาอย่าง ‘การสมคบคิดฉ้อโกง (Racketeering Conspiracy)’ ที่มีใจความหลักคือ เมื่อมีสมาคมหรือกลุ่มบุคคลที่ร่วมกันก่ออาชญากรรม ซึ่งไม่ได้มีความจำเป็นต้องก่อตั้งเป็นบริษัทขึ้นมาจริง ๆ เช่น ‘ฌอน โคมส์ ทำผิดกฎหมาย จำกัด’ เพียงแค่กลุ่มคนเหล่านี้ร่วมมือกระทำการผิดกฎหมายเพื่อจุดมุ่งหมายเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็นเพื่อผลประโยชน์ทางการเงินหรือเพื่อสนองความใคร่แก่โคมส์ ล้วนเข้าข่ายการสมคบคิดฉ้อโกงทั้งสิ้น 

อีกหนึ่งสิ่งที่เห็นได้ชัดคือ ข้อกล่าวหานี้แทบจะสอดคล้องกับทุกบรรทัดของคำฟ้องจาก ลิล ร็อด (Lil Rod) ที่ออกมาเปิดเผยธุรกิจมืดของโคมส์อย่างการซื้อขายสารเสพติดและอาวุธปืน แม้จะไม่มีการเอ่ยถึงชื่อของร็อดในเนื้อความ แต่เราสามารถรับรู้ทันทีว่าข้อกล่าวหานี้มีรากฐานมาจากหลักฐานของเขา

“เมื่ออะไร ๆ ไม่ได้ดั่งใจโคมส์ เขาจะเริ่มใช้กำลัง เหยื่อของเขาจึงต้องเผชิญกับการทารุณกรรมทางกาย วาจา ใจ เพื่อบังคับให้เข้าร่วมกิจกรรม ฟรีค ออฟส์ (Freak Offs)” 

ฟรีค ออฟส์ (Freak Offs) คือคำที่ปรากฏอยู่ ณ จุดศูนย์กลางของคดีอาชญากรรมทางเพศและการค้ามนุษย์ กระทงที่ 2  ในเอกสารข้อกล่าวหา 14 หน้ากระดาษ มันคือกิจกรรมลับที่ซุกซ่อนอยู่ในไวท์ปาร์ตี้ (White Party) งานเลี้ยงรวมดาวของโคมส์ที่จัดขึ้นครั้งแรก เมื่อวันที่ 7 กันยายน ปี ค.ศ. 1998 ณ แมนชั่นของโคมส์ในเมืองแฮมป์ตันส์ ปาร์ตี้สุดสัปดาห์วันแรงงานที่เหล่าผู้ทรงอิทธิพลระดับโลกต่างพากันเข้าร่วม ไม่ว่าจะลีโอนาร์โด ดิแคพรีโอ, เจนนิเฟอร์ โลเปซ, ฮาเวิร์ด สเติร์น, บียอนเซ่, เจซี, มารายห์ แครี, อารีธา แฟรงคลิน และคิม คาแดเชียน โดยคอนเซ็ปท์ของปาร์ตี้–ตามคำบรรยายที่โคมส์ให้สัมภาษณ์ไว้กับโอปราห์ในปี ค.ศ. 2006–คือการปลดเปลื้องภาพลักษณ์์และทำให้ผู้เข้าร่วมทุกคนเป็นสีเดียวกันและเป็นชนชั้นเดียวกัน ทำให้ธีมเครื่องแต่งกายของปาร์ตี้เป็นสีขาวล้วน เรื่องน่าตกใจอีกอย่างคือเด็กและเยาวชนได้รับอนุญาตให้เข้าร่วมไวท์ปาร์ตี้ด้วย แต่จะมีการเชิญออกหนึ่งชั่วโมงก่อนที่ ‘ปาร์ตี้ของจริง’ จะเริ่มต้นขึ้น และเพียงแค่จุดแรกนี้เองก็มีข้อกล่าวหาถึงการใช้สิ่งเสพติดผิดกฎหมายอย่างโคเคนและยาอี การนำกลุ่มหญิงขายบริการมาเข้าร่วมในปาร์ตี้ มีภาพหลุดหลายต่อหลายครั้งจากเหตุการณ์ในงานที่เราจะเห็นหญิงสาวในชุดบิกินีชิ้นเดียวลอยคออยู่ในสระว่ายน้ำ ขณะที่แขกเหรื่อมากมายมองผ่านเหมือนเป็นเรื่องปกติ มีแม้กระทั่งภาพที่โคมส์กำลังละเลงเบียร์ลงบนหลังของหญิงสาวเปลื้องผ้าสองคน 

หลังไวท์ปาร์ตี้ จบลง ฟรีค ออฟส์อันฉาวโฉ่ก็ได้เริ่มต้นขึ้น เหยื่อของโคมส์มีทั้งนางแบบ นักแสดง ศิลปิน และพนักงานหญิงในบริษัท โดยทุกคนจะถูกบังคับให้มีเพศสัมพันธ์กับกลุ่มชายขายบริการที่โคมส์จัดหามาจากหลากหลายพื้นที่ทั่วสหรัฐฯ ในขณะที่เจ้าตัวนั่งกำกับกิจกรรม สังเกตการณ์ และสำเร็จความใคร่ พร้อมทั้งบันทึกภาพและวิดีโอเก็บไว้เพื่อใช้ข่มขู่เหยื่อไม่ให้แพร่งพรายการมีอยู่ของฟรีค ออฟส์ 

ในจดหมายรายงานผลการบุกค้นบ้านของโคมส์เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ระบุว่าปัจจุบันเจ้าหน้าที่เก็บรวมรวมหลักฐานดิจิทัลได้จากโทรศัพท์มือถือและแล็ปท็อปกว่า 90 เครื่อง รวมถึงบัญชีจัดเก็บข้อมูลบนคลาวด์ อุปกรณ์เก็บข้อมูล อาทิ ฮาร์ดดิส ทรัมไดร์ฟ กล้องถ่ายรูปและกล้องวงจรปิดอีกกว่า 30 ตัว ซึ่งหลายคนเชื่อว่าจะถูกใช้เป็นหลักฐานประกอบคดีที่เกี่ยวข้องกับ ฟรีค ออฟส์

หลาย ๆ ครั้งโคมส์มักจะทุบตี เตะต่อย เขวี้ยงปาสิ่งของ และฉุดกระชากศีรษะของเหยื่อ เมื่อพวกเขาและเธอพยายามที่จะหลบหนี หนึ่งในการกระทำอันโหดร้ายเช่นนี้เกิดขึ้นกับแคสซี่ และได้ถูกบันทึกไว้โดยกล้องวงจรปิดของโรงแรมแห่งหนึ่งในแอลเอ เมื่อเดือนมีนาคม ปี ค.ศ. 2016 ที่ต่อมาถูกเผยแพร่โดยสำนักข่าว CNN ในจดหมายฟ้องระบุเพิ่มเติมว่า เมื่อพนักงานโรงแรมคนหนึ่งพยายามเข้ามาขัดขวาง โคมส์เสนอกองธนบัตรหนึ่งกองเพื่อเป็นการปิดปาก แม้พนักงานคนดังกล่าวจะปฏิเสธข้อเสนอ ทีมงานของโคมส์ก็ได้ติดต่อพนักงานคนอื่น ๆ และทำให้คลิปเหตุการณ์ทั้งหมดหายไปจากระบบภายในวันเดียวกัน

เหล่าพนักงานในบริษัทของโคมส์ช่วยกันอำนวยความสะดวกให้กับการจัดฟรีค ออฟส์โดยเริ่มต้นตั้งแต่การจัดหาและจองโรงแรม พร้อมจัดเตรียมสะเบียงและอุปกรณ์ที่จำเป็น อาทิ สารเสพติด เบบี้ออยล์ สารหล่อลื่น ผ้ารองเตียง และแสงไฟ เมื่อกิจกรรมจบลงพวกเขารับหน้าที่ทำความสะอาดห้อง จัดการกับความเสียหายที่เกิดขึ้นแก่ทรัพย์สินของโรงแรม จัดแจงกำหนดการเดินทางของเหยื่อ ชายค้าบริการ และเจ้านายใหญ่อย่างโคมส์ นอกจากนี้พวกเขายังคอยเติมเสบียงต่าง ๆ ตามคำขอของโคมส์ ส่งมอบเงินสดให้โคมส์จ่ายค่าจ้างชายขายบริการ และกำหนดวันรับ-ส่งสารน้ำต่าง ๆ (IV Fluids) ที่ใช้สำหรับบรรเทาอากาศเหนื่อยล้าของโคมส์ กลุ่มเหยื่อ และชายขายบริการหลังเสร็จกิจ

หลังถูกจับกุม ฌอน ดิดดี้ โคมส์ ก็ได้ออกมาปฏิเสธทุกข้อกล่าวหาและได้ถูกปฏิเสธสิทธิการประกันตัวไปแล้วถึง 2 ครั้ง แต่เจ้าตัวก็ยังให้ทนายความอย่าง มาร์ค แอคนีฟีโล่ (Marc Agnifilo) ออกมาแถลงว่า

“ฌอน ‘ดิดดี้’ โคมส์ คือไอคอนแห่งวงการดนตรี คือผู้ประกอบการที่มีวันนี้ด้วยตนเอง คือชายแสนดีที่อุทิศตนให้ครอบครัว และยังเป็นคนที่ถูกพิสูจน์แล้วว่ามีจิตใจโอบอ้อมอารี ผู้ใช้เวลาตลอด 30 ปีที่ผ่านมาในการสร้างอาณาจักร คอยทะนุถนอมเหล่าลูกรัก และยกระดับชุมชนคนผิวดำ ชายคนนี้อาจจะไม่สมบูรณ์แบบ แต่เขาไม่ใช่อาชญากร ตลอดระยะเวลาการสืบสวน คุณโคมส์ได้ให้ความร่วมมือกับทุกฝ่ายและยังเต็มใจย้ายที่อยู่อาศัยมายังนครนิวยอร์์กในสัปดาห์ที่ผ่านมา เพราะคาดการณ์ว่าอาจจะถูกตั้งข้อกล่าวหาเหล่านี้ ดังนั้นโปรดเก็บคำตัดสินของพวกคุณไว้จนกว่าจะได้ทราบข้อเท็จจริงทั้งหมด เพราะนี่คือการกระทำของชายผู้บริสุทธิ์ใจที่ไม่มีอะไรต้องปกปิด และเขาตั้งหน้าตั้งตารอชำระล้างชื่อเสียของตนเองในชั้นศาลแล้ว”

ปัจจุบันโคมส์ถูกคุมขังอยู่ ณ เรือนจำเมโทรโพลิแทน ดีเทนชัน เซ็นเตอร์ บรูคลิน (MDC Brooklyn) นครนิวยอร์ก เพื่อเตรียมตัวขึ้นศาลในวันที่ 7 ตุลาคม ที่จะถึงนี้ คงต้องมารอติดตามกันว่าชายผู้มีคำฟ้องรวม 418 หน้า จากเหยื่อทั้ง 11 ราย และข้อหาอีก 3 กระทงใหญ่ ๆ จากศาลรัฐบาลกลาง จะยังคงสถานะ ‘ผู้บริสุทธิ์ใจ’ ได้นานถึงเพียงไหนกัน จากจำนวนเหยื่อ หลักฐานจำนวนมาก และการจับตามองของสาธารณชนต่อคดีฉาวโฉ่นี้

อ้างอิง

BBC: https://www.bbc.com/news/articles/c0kjxd3m528o

Law & Crime Network: https://www.youtube.com/@LawAndCrime/videospbs: https://www.pbs.org/newshour/nation/read-the-full-indictment-against-sean-diddy-combs

Content by kulkul

Graphic by tornfernjiew

#SPECTRUM #พื้นที่ความคิดของทุกสีสัน

“กรุณาแสดงความเห็นอย่างสุภาพและสร้างสรรค์ ทีมงานสงวนสิทธิ์ในการลบหรือดำเนินการตามสมควร กับความเห็นที่สร้างความเกลียดชัง (hate speech) หรือละเมิดสิทธิของบุคคลอื่น”

a senior baby girl