#สาดน้ำร้อน กลายเป็นเทรนด์บนเอ็กซ์ จากเหตุการณ์รุ่นพี่มหาวิทยาลัยย่านรังสิตสาดน้ำร้อนใส่รุ่นน้อง มีการเปิดเผยชื่อผู้ก่อเหตุว่า ‘พรีม’ และมีการเปิดเผยที่อยู่ผ่านโซเชียลมีเดียจนทำให้เกิดการรวมตัวกันบริเวณหน้าที่พักของเจ้าตัว เหตุการณ์นี้กินเวลาราว ๆ 4 ชั่วโมง แต่ในช่วงเวลาสั้น ๆ นั้น เราเห็นความรุนแรงที่ซ่อนอยู่ในสังคมมากมาย และจนถึงตอนนี้ #สาดน้ำร้อน ก็ยังเป็นเทรนด์อันดับ 1 และเหตุการณ์ที่ต้องถูกเล่าให้ทุกรายการข่าวเสาร์-อาทิตย์
#วันมาฆะกะเทยครั้งที่1 – เกิดอะไรขึ้นที่รังสิตภิรมย์
– เวลาประมาณ 23:00 นาฬิกา มีคนจำนวนมากเดินทางไปชุมนุมบริเวณที่พักของพิม พร้อมมีการโพสต์และไลฟ์ผ่านโซเชียลมีเดียจนทำให้มีผู้ติดตามผ่านไลฟ์สูงถึงหลักหมื่น คาดว่ามีผู้เดินทางมาร่วมปิดล้อมบริเวณดังกล่าวกว่าพันคน
– มีการส่งคนขึ้นไปตรวจสอบที่ห้องพักของพิมและรายงานกลับมาว่าไม่มีการใช้ไฟภายในห้อง นิติแจ้งว่าขณะนี้ไม่มีผู้อาศัยอยู่ในห้องพร้อมขอความร่วมมือไม่เข้าบุกรุกพื้นที่ส่วนตัว
– ต่อมาเวลาประมาณ 00:30 นาฬิกา กัน จอมพลัง เดินทางมาถึงพื้นที่และเข้าไปสอบถามนิติอีกครั้งพร้อมได้ขออนุญาตดูกล้องวงจรปิดเพื่อยืนยันว่าไม่มีคนอยู่ห้อง นิติแจ้งสิทธิผู้พักอาศัยและอนุญาตให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดูได้โดยไม่เผยแพร่ภาพผ่านสื่อเท่านั้น
– ตำรวจเดินทางมาควบคุมสถานการณ์โดยขอให้อยู่ในความสงบและได้ขอให้ผู้ร่วมปิดล้อมช่วยเจรจากับฝูงชนในบริเวณ พร้อมขอความร่วมมือให้ประกาศผ่านไลฟ์และโซเชียลมีเดียให้งดเดินทางเข้ามาในสถานที่
– ฝูงชนทยอยแยกย้ายช่วงเวลาประมาณ 02:00 นาฬิกา
#รุ่นพี่กะเทยตบรุ่นน้องเกย์ – การจัดลำดับขั้นกันเองของเด็กมหา’ลัยที่ใช้ความรุนแรงเป็นกฏ สู่ตัวแทนความยุติธรรมที่รุนแรงได้ด้วยอำนาจของมวลชน
เบาะแสจากการเข้าแจ้งความที่ สภ.คลองหลวงในเช้าวันนี้ (9 ก.พ.) เปิดเผยว่ากลุ่มผู้ก่อเหตุเป็นนักศึกษาชั้นปีที่ X ในมหาวิทยาลัยกรุงเทพฯ ที่มีพฤติกรรมข่มขู่คุกคาม และทำพฤติกรรมเช่นนี้มาแล้วหลายครั้ง ในครั้งนี้มีการระบุว่าเป็นการบังคับให้รุ่นน้องถอนวิชาเรียน แต่ในครั้งที่ผ่านมาแรงจูงใจมักไม่ชัดเจน แต่เป็นการข่มขู่ทำร้ายรุ่นน้องที่ทำไม่ถูกใจ และผู้เสียหายส่วนใหญ่ก็เป็นคนในชุมชน LGBTQ+ ด้วย พฤติกรรมลุแก่อำนาจนี้มักถูกอธิบายด้วยความไม่มั่นคงในสภาวะจิตใจของผู้กระทำ และการแสดงอำนาจด้วยการข่มขู่ทำร้ายก็มักถูกอธิบายว่าเป็นการรักษาความมั่นคงทางจิตใจของผู้ใช้ความรุนแรง เหตุการณ์นี้จึงอาจจะอธิบายได้ง่าย ๆ ว่ามันเป็นลักษณะของการรวมกลุ่มของคนชายขอบที่แสวงหาการยอมรับจากสังคมของตัวเอง และรักษาความสัมพันธ์กันระหว่างสมาชิกในกลุ่มด้วยการให้ความปลอดภัยตอบแทน
กลุ่มรุ่นพี่ใช้ความรุนแรง เงิน และการเป็นสังคมปิดเพื่อแสวงอำนาจในตนเองและพวก การตอบโต้จากผู้เสียหายในครั้งนี้จึงเป็นการใช้มวลชนจากโซเชียลมีเดียเพื่อตอบโต้ เมื่อเรื่องดังกล่าวลงสู่โซเชียลมีเดีย กระบวนการศาลเตี้ยจึงได้เริ่มต้นขึ้น คนกลุ่มแรกที่ไปถึงที่ก่อเหตุเป็นรุ่นพี่ที่มหาวิทยาลัยเดียวกันของผู้เสียหาย ยิ่งเรื่องแพร่กระจายมากยิ่งขึ้นก็ยิ่งมีผู้ร่วมเหตุการณ์ถึงหลักพัน ขณะถ่ายทอดสด มีผู้ชมออนไลน์ราว 40,000 คน ระหว่างไลฟ์มีการกระทำที่ก้าวล่วงพื้นที่ของกฏหมายแต่ก็ถูกลืม ๆ ไปเพราะมวลชนเห็นด้วย และเมื่อเรื่องถึงกันจอมพลัง ความดราม่าของเรื่องราวก็ยิ่งเข้มข้นและกลายเป็นเรื่องของกะเทยใจโฉดกับเหยื่อที่สมบูรณ์แบบ มีการล่าโปรไฟล์ของผู้ที่เกี่ยวข้องมาเผยแพร่ เรียกร้องให้นำผู้กระทำไปออกรายการโหนกระแส ข่มขู่เจ้าหน้าที่ตำรวจให้เอาข้อหาหนัก ๆ อย่างอั้งยี่ซ่องโจร ทั้งหมดคือการตอบสนองจากสังคมที่หลงใหลคลั่งไคล้ดราม่า แต่มันไม่ได้นำไปสู่อะไรเลย ไม่มีการเยียวยาผู้เสียหาย ไม่มีการปลอบประโลมสังคมที่โดนรังแก มีแต่การตอบโต้ด้วยความรุนแรง การเสื่อมศรัทธาในสถาบันหลักของสังคม และที่หนักที่สุดคือการเหมารวม มุ่งโจมตีอัตลักษณ์ทางเพศที่ไม่รู้ว่าทำไปทำไมกันแน่
#แม้แต่ตำรวจยังยิ้มให้ความรุนแรง – การมีอยู่พอเป็นพิธีของตำรวจที่ยืนตรงต่อหน้าการข่มขู่อาฆาตโดยมวลชน
“อีพรีมไม่อยู่บนห้อง วันนี้ไม่อยู่ แต่วันหน้าเจอกูแน่”
ข้อความดังกล่าวพูดผ่านโทรโข่งโดยรุ่นพี่คนหนึ่งที่บุกมาหน้าหอพัก ท่ามกลางเสียงโห่ร้องสนั่นหวั่นไหว ในคลิปวิดีโอหนึ่งที่บันทึกภาพเหตุการณ์และเผยแพร่ในเวลาจริง ในเสี้ยววินาที ตำรวจในพื้นที่ที่เข้ามาควบคุมสถานการณ์ยืนอยู่ต่อหน้ามวลชนด้วยรอยยิ้ม ผู้ใช้งานใน X แซวตำรวจที่ยิ้มให้กับการข่มขู่ที่อาจผิดกฏหมาย แต่การเพิกเฉยต่อความรุนแรงนั้นตำรวจสามารถทำได้ เพราะมีใบอนุญาติจากมวลชนที่เห็นด้วยกับการเป็นศาลเตี้ยในครั้งนี้
ตำรวจเป็นคน แสดงอารมณ์ได้ ตัดสินใจบังคับใช้กฏหมายตามความเหมาะสมและเหตุการณ์ก็ทำได้ แต่ไม่ใช่กับความรุนแรงซึ่งหน้า นี่อาจเป็นปลายทางของความสิ้นหวังในสถาบันหลักของสังคมที่แท้จริง คือการร่วมด้วยช่วยกันขำ ๆ กับการสาดน้ำร้อน การไลฟ์สด การตามล่า การมีเศรษฐีใจบุญให้พึ่งพา และเจ้าหน้าที่ตัวจริงก็เป็นแค่พิธีกรรมที่หวังพึ่งอะไรมากไม่ได้
สิ่งที่ตำรวจต้องทำคือย้ำว่ามวลชนไม่มีอำนาจจัดการใดใดทั้งสิ้นในเหตุการณ์ครั้งนี้ กฏหมายและเจ้าหน้าที่จะเป็นผู้ดำเนินการตามความผิด ผู้กระทำความผิดจะได้รับโทษสมกับการกระทำ โดยไม่มีกันจอมพลัง ไม่ต้องมีหมู่มวลชาวเน็ตมาร่วมกดดัน กฏหมายจะต้องเป็นกฏหมายที่เชื่อถือไว้ใจได้ มหาวิทยาลัยต้องไม่เพิกเฉยต่อสวัสดิภาพของนักศึกษาในพื้นที่พิเศษข้างมหาวิทยาลัย เพราะการผลิตซ้ำความรุนแรงไม่ช่วยอะไรเลย
#สาดน้ำร้อน #รังสิต #Violence
X: https://bit.ly/4jSs05G, https://bit.ly/4gAyEL0, https://bit.ly/4htC0AW
#SPECTRUM #พื้นที่ความคิดของทุกสีสัน
“กรุณาแสดงความเห็นอย่างสุภาพและสร้างสรรค์ ทีมงานสงวนสิทธิ์ในการลบหรือดำเนินการตามสมควร กับความเห็นที่สร้างความเกลียดชัง (hate speech) หรือละเมิดสิทธิของบุคคลอื่น”
