ในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชากำลังเผชิญสงคราม ในพื้นที่ภาคเหนือตอนบนกำลังน้ำท่วม ประเทศไทยกำลังเจอกำแพงภาษีอเมริกา ภาคการเมืองก็อยู่ในช่วงที่หวุดหวิดจะไม่เป็นไปตามครรลองประชาธิปไตย โซเชียลมีเดียเต็มไปด้วยสงครามข้อมูลข่าวสารและความเกลียดชัง มวลความเครียดเหล่านี้อาจทำให้คนไกลพื้นที่ที่คอยติดตามข่าวอย่างใกล้ชิด รู้สึกเห็นอกเห็นใจ หวาดกลัว เจ็บปวด และมีอารมณ์ร่วมไปกับเหตุการณ์จนอาจมีผลกระทบจิตใจและชีวิตประจำวัน คุณอาจจะเริ่มตั้งคำถามว่า เราในฐานะผู้ที่ไม่ได้รับผลกระทบโดยตรงจากเหตุการณ์สามารถทำอะไรได้บ้างไหม เพราะแม้จะติดตามข่าวสารอย่างใกล้ชิดจนรู้สึกไม่ไหว แต่ก็ไม่อยากเพิกเฉยต่อสิ่งที่เกิดขึ้น
แต่การใช้ชีวิตตามปกติไม่ใช่การเพิกเฉย บทความนี้เลยอยากจะแนะนำวิธีการดูแลใจตนเองในช่วงเวลาที่น่ากังวลใจอย่างนี้ และมีข้อความที่อยากจะบอกกับทุกคนว่า มันโอเคที่จะใจดีกับตัวเองในช่วงเวลาที่รู้สึกไม่โอเคเสมอนะเพราะเราต่างเป็นมนุษย์ที่ต้องหาจุดที่สมดุล จุดที่พอดีในการดูแลตนเอง เป็นห่วงคนรอบข้างและสังคมบ้านเมืองของเรา โดยวิธีการหาจุดสมดุลในการดูแลตัวเองที่พอดีสามารถเริ่มลองได้จากวิธีเหล่านี้
#โฟกัสในสิ่งที่ควบคุมได้ – สิ่งที่เราทุกคนสามารถทำได้ในช่วงเวลาที่เผชิญหน้ากับวิกฤติของชีวิต ช่วงสงคราม ภัยพิบัติคือการประคองสติของเราไม่ให้ตื่นตระหนก สติจะมาหาเราได้ก็ต่อเมื่อเลือกโฟกัสกับสิ่งที่เราสามารถควบคุมได้ จัดระเบียบความคิดตัวเอง แยกสิ่งที่ควบคุมได้และไม่ได้ด้วยการลองเขียนมันออกมา เขียนสิ่งที่เราควบคุมได้ในชีวิต สิ่งที่เราทำได้ในวันนี้ สิ่งที่ให้ความช่วยเหลือได้ และสิ่งที่ไม่สามารถควบคุมได้
การให้ความช่วยเหลือมีตั้งแต่การแชร์ประชาสัมพันธ์ข่าวที่เชื่อถือ แหล่งข้อมูลถูกต้อง ไม่ส่งต่อข่าวปลอมหรือคอนเทนต์ข้อมูลสร้างความเกลียดชัง ให้ข้อมูลการบริจาคที่ปลอดภัยโดยไม่เปิดเผยสถานที่ศูนย์พักพิง ไปจนถึงการบริจาคสิ่งของแก่ผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือเท่าที่ไหว หากมีสิ่งใดที่อยู่ในขอบเขตที่ทำได้ ถ้าทำแล้วสบายใจที่จะทำโดยไม่ลำบาก ก็ค่อย ๆ ลงมือทำ
#ปล่อยวางในสิ่งที่เราทำไม่ได้ – หลังจากโฟกัสสิ่งที่ทำได้ทั้งการดูแลชีวิตตัวเองและให้ความช่วยเหลือแล้ว ต่อไปก็ต้องปล่อยวางสิ่งที่ทำไม่ได้ สิ่งที่ควบคุมไม่ได้ด้วย เราทุกคนต้องหาวิธีจัดการความเครียด โดยวิธีฝึกความเครียด ปล่อยวางมีหลายวิธี เราต่างต้องหาวิธีที่เหมาะกับตัวคุณให้เจอ บางคนนั่งสมาธิ ร้องเพลง ออกกำลังกาย ทานอาหารให้อร่อย ดูคลิปตลกๆ ไปจนถึงการนอนพักผ่อน อย่าลืมว่าเราในฐานะพลเมืองต้องใช้ชีวิตประจำวันของเราต่อไปโดยไม่ถูกความกลัวกลืนกิน เมื่อทำสิ่งที่ทำได้เต็มที่แล้วก็ต้องค่อยๆ ปล่อยวาง
#กลับมาอยู่ที่ลมหายใจเมื่อรู้สึกไม่ไหว – ถ้าหากเผชิญหน้ากับความวิตกกังวล ไม่สามารถทำโฟกัสกับอะไรได้ขอให้คุณค่อยๆ กลับมาที่ลมหายใจ นับลมหายใจ นับเลข 1 – 10 ช้าๆ ลดความวิตกกังวลของร่างกายด้วยการโฟกัสกับการค่อยๆ หายใจจนกว่าจะเริ่มมีสติอีกครั้ง หรือ ลองฝึกการหายใจอย่างมีสติรู้คิดในชีวิตเพื่อลดความเครียด (Breathwork exercise) ให้เป็นนิสัย ฝึกการปล่อยวาง (ถ้าหากรู้สึกไม่ไหว ไม่สามารถจัดการตัวเองได้ รีบติดต่อคนที่ไว้วางใจได้หรือขอความช่วยเหลือจากผู้เชี่ยวชาญให้เร็วที่สุด)
#ตั้งลิมิตเวลาและขอบเขตให้ตัวเองเพื่อรักษาสมดุล – ทุกคนต้องมีขอบเขตการใช้พลังงานและใช้เวลา เราไม่สามารถใช้เวลาทั้งวันอยู่ในความกลัวหรือติดตามข่าวสารได้ ดังนั้นการตั้งลิมิตตารางเวลาให้การใช้ชีวิตประจำวันของตัวเอง ให้เวลาตัวเองผ่อนคลาย และ จัดเวลาในการรับรู้ข่าวสาร ให้ลิมิตตัวเองว่าวันนี้อ่านข่าวาร้ายเยอะแล้ว เครียดไม่ไหวขอพักก่อนก็เป็นเรื่องที่โอเค หากคุณไม่ได้อยู่ในพื้นที่เสี่ยงที่ต้องเฝ้าระวัง การขอเวลาสักพักเพื่อดูแลตัวเองให้โอเคไม่ใช่การเพิกเฉยต่อปัญหาที่เกิดขึ้นในโลกแต่มันเป็นเพียงการหยุดพักสักช่วงหนึ่ง กลับมาใส่ใจตัวเองให้โอเคก่อนที่เราจะออกไปช่วยคนอื่น
#ใจดีกับตัวเองและอย่าพึ่งรีบด่วนตัดสินทุกอย่าง – การใจดีกับตัวเองคือการรู้ทันตัวเองว่าเราเครียดก็ต้องหาวิธีคลายเครียด เราโกรธก็รับรู้ว่าโกรธ เราเศร้าก็รับรู้ว่าเศร้า ไม่ว่าจะรู้สึกอะไรก็ตามการใจดีกับตัวเองคือการไม่ยอมให้อารมณ์มาเป็นตัวกำหนดชีวิต
การใจดีกับตัวเองคือการดูแลร่างกายให้กินอิ่มนอนหลับเพียงพอ ยอมรับความไม่แน่นอนของชีวิต ให้กำลังใจตัวเอง ไม่ตื่นตูม ไม่คิดเองเออเองด้วยความวิตกกังวล ไม่รีบตัดสิน แต่ฝึกใจดีกับตัวเองด้วยการค่อยๆ อดทนกับตัวเอง ทำให้ตัวเองสงบ มีสมดุล ทำสิ่งที่ทำได้ ปล่อยวางสิ่งที่ทำไม่ได้จนกว่าช่วงพายุจะผ่านพ้นไปคือการสร้างความอึด ความยืดหยุ่นทางใจ (Resilience) ที่จะช่วยให้คุณดูแลตัวเองได้ดีขึ้นตลอดชีวิตและมีพลังไปดูแลคนรอบข้างที่คนแคร์ได้ด้วย
ท้ายที่สุดแล้วอย่าลืมว่าคุณเองก็เป็นมนุษย์ ทุกคนมีวันที่ไม่โอเคได้ มีช่วงเวลาที่ขอพักไปดูแลตัวเองก่อนได้ทุกคนมีสิ่งที่ทำได้ในฐานะพลเมือง มีข้อจำกัด มีสิ่งที่ทำไม่ได้ และ ทุกคนจำเป็นต้องหาบาลานซ์ จุดที่จิตใจยืดหยุ่นรับมือกับความเครียด จัดการความทุกข์ได้ มีความสุขในสิ่งที่มีได้ เจอจุดที่พอดีในการใช้ชีวิตประจำวันต่อไป เจอจุดสมดุลในการดูแลตัวเองและช่วยเหลือผู้อื่น เพราะหากเราไม่โอเคเราก็จะไม่สามารถดูแลหรือให้ความช่วยเหลือใครที่เราห่วงใยได้อย่างได้อย่างมีประสิทธิภาพ
#MentalHealth
อ้างอิง
Mind.Org : https://bitly.cx/JcwqP
Wheelerclinic :https://bitly.cx/by6s
#SPECTRUM #พื้นที่ความคิดของทุกสีสัน
“กรุณาแสดงความเห็นอย่างสุภาพและสร้างสรรค์ ทีมงานสงวนสิทธิ์ในการลบหรือดำเนินการตามสมควร กับความเห็นที่สร้างความเกลียดชัง (hate speech) หรือละเมิดสิทธิของบุคคลอื่น”