“โลกจะรู้จักเธอในฐานะป็อปสตาร์ แต่พวกเธอจะเป็นมากกว่านั้น”
K-Pop Demon Hunters เป็นเรื่องของวงเกิร์ลกรุ๊ปที่เบื้องหลังเป็นนักล่า (Hunter) ต่อสู้กับจอมปิศาจกวีมาที่ปรารถนาจะกินวิญญาณของผู้คนโดยส่งเหล่าสมุนมาหลอกล่อและดูดกลืน ในแต่ละยุคจะมีนักล่า 3 คนที่ถูกเลือกจากพลังเสียงที่ขับไล่ความมืดมิด เพื่อมาปกป้องโลกด้วยการร้องเพลงแห่งความกล้าหาญและความหวังเพื่อจุดประกายจิตวิญญาณ และรวมใจทุกคนเข้าด้วยกัน จนเกิดเป็นฮอนมูน
และในปี 2025 -สามสาวนักล่าในนามฮันทริกซ์ (Huntrix) ประกอบด้วย รูมิ มิร่า โซอี้ ทั้ง 3 สาวปกป้องโลกด้วยเพลงป็อปและเวิลด์ทัวร์ที่มีผู้ชมครั้งละราว ๆ 50,000 คน ฮันทริกซ์ประสบความสำเร็จ 3 สาวรักแฟนๆ และฮอนมูนก็ใกล้จะเป็นสีทองที่ผนึกปิศาจได้สมบูรณ์ แต่แล้วโลกก็ถือกำเนิดซาจาบอยส์ (Saja Boys) บอยแบนด์ปิศาจที่มาดูดวิญญาณผู้คนไป และแย่งฐานแฟนของฮันทริกซ์ภายในไม่กี่วัน ในช่วงเวลาเดียวกันนั้น ก็เกิดเรื่องขึ้นเมื่อเสียงของรูมิมีปัญหา เพราะลายปิศาจที่เธอซ่อนไว้ลามมาถึงคอแล้ว
รูมิเป็นครึ่งนักล่าครึ่งปิศาจ และน้ำหนักของความลับคือความกดดันที่เธอปิดบังมาทั้งชีวิตเพื่อปกป้องโลก
#ในโลกที่โหดร้าย – มีเพียงไอดอลที่จริงใจที่เป็นเซฟโซน
ไอดอลหญิงในเรื่องมีความเชื่อมโยงกับร่างทรงหญิงในวัฒนธรรมเกาหลี ในยุคแรกของนักล่าก็แต่งกายคล้ายคลึงกับ ‘มูดัง’ (무당) – มูดังช่วยมอบความสุขแด่ผู้ที่ขอขมาสิ่งศักดิ์สิทธิ์และขจัดสิ่งชั่วร้ายด้วยความสามารถในการร้องรำ ‘เสียงเพลง’ จึงกลายเป็นเครื่องมือที่มูดังใช้ช่วยเหลือผู้คน เช่นเดียวกับที่ฮันทริกซ์ใช้เพื่อสร้างฮอนมูนผนึกปิศาจ ในขณะที่เสียงแห่งความรู้สึกผิด เสียงที่บอกว่าเราไม่ดีพอ เสียงที่กระซิบว่าการเป็นตัวเองช่างน่าอับอาย คือปิศาจใน K-Pop Demon Hunter
จินอู พระเอกของเรื่องที่เป็นปิศาจบอยแบนด์ได้ยินเสียงแห่งการทรยศดังอยู่ในหัวเสมอหลังจากเขาทิ้งแม่และน้องไปเพื่อชีวิตที่ดีกว่า และในตอนท้ายที่ฮันทริกซ์วงแตกบนเวที เสียงของความล้มเหลวก็ดังขึ้นมาในใจของมิร่าผู้คิดว่าตัวเองไม่สมควรมีครอบครัว เช่นเดียวกับที่ดังขึ้นมาในหัวของโซอี้ว่าเธอเป็นคนน่ารำคาญ และกับบ็อบบี้ ผู้จัดการวง ก็เชื่อว่าเขาไม่เก่งพอจะรักษาฮันทริกซ์ที่แสนมีค่าไว้ได้ ปิศาจเข้ามาแทรกแซงจิตใจที่ขาดความสุข และนี่คือบทบาทของไอดอลต่อความคิดและจิตใจของผู้คน
การมีอยู่ของไอดอลอนุญาตให้คนร้องไห้ คลั่งไคล้ เหลวไหล ฉีกทิ้งซึ่งความคาดหวังของสังคมแล้วดื่มด่ำกับช่วงเวลาที่ความจริงไม่เข้ามากร้ำกราย ในโลกที่ยากลำบากและเปราะบาง เข้มงวดและอันตราย แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่มนุษย์จะไม่เผลอทำพลาด เห็นแก่ตัว หรือหลงลืมอะไรไป แต่ความสัมพันธ์ระหว่างไอดอลกับแฟนคลับมีความรักและการให้อภัยเสมอ ไอดอลไม่ตัดสิน ไอดอลไม่เมินเฉย อย่างน้อยก็ไม่แสดงออกแบบนั้น ไอดอลที่รักและเต็มที่กับแฟนคลับเสมอจึงตอบสนองความต้องการการยอมรับที่เราต่างก็มองหา
รูมิที่เป็นครึ่งนักล่าครึ่งปิศาจปิดลายบนตัวมาทั้งชีวิตเพราะถูกบอกให้ทำ เธอไม่เชื่อว่าตัวเองจะได้รับการยอมรับ ไม่เชื่อว่าโลกนี้มีที่ให้ความชั่วร้าย เธอนำทัพนักล่าปกป้องชาวโลกด้วยใจที่เห็นแก่ตัวลึก ๆ ว่านี่คือการทำเพื่อตัวเอง รูมิไม่รู้จักพัก ไม่มีเพื่อน ไม่ไว้ใจใคร สิ่งนี้ค่อย ๆ บีบเธอให้แตกสลาย จนกระทั่งรูมิได้เปิดใจกับปิศาจอย่างจินอู การยอมรับที่เธอเป็นเธอนั่นเองที่เปลี่ยนโลกของรูมิไปตลอดกาล จากนั้นรูมิจึงได้ยอมรับตัวเองและแข็งแกร่งกว่าที่เคย
เราเคยเห็นเรื่องทำนองนี้จากภาพยนตร์อย่าง Turning Red เขินแรงแดงเป็นแพนด้า (2565) ที่ครอบครัวไม่ยอมรับ และเด็กผู้หญิงก็พยายามเอาตัวรอดจากการไม่ได้รับการยอมรับด้วยความรักจากไอดอล เรื่องเหล่านี้ถูกเล่าผ่านตัวเอกที่เป็นหญิงและเข้าใจได้ง่ายดายเพราะการเป็นเด็กผู้หญิงช่างยากเหลือเกิน มีหลายสิ่งที่เด็กผู้หญิงต้องแลกเปลี่ยนและต่อรองจนกว่าจะเปลี่ยนผ่านไปสู่วัยผู้ใหญ่ และเรื่องไร้สาระอย่างการชอบ ‘ไอดอล’ ก็เป็นสิ่งที่เด็กผู้หญิงหลายคนต้องแลกไปเพราะพวกผู้ใหญ่มองว่าเสียเวลาชีวิต
แต่การรักไอดอลไม่เคยเป็นเรื่องไร้สาระ ไอดอลไม่ใช่เรื่องที่เปลืองเวลา ไอดอลเป็นช่วงชีวิตและกำลังใจ ไอดอลคือการยอมรับ คือความรักที่ไม่เรียกร้องอะไรจากเรามากมาย ไม่ว่าเราจะไปไหนทำอะไรไอดอลก็อยู่ตรงนั้นเสมอ
การมีอยู่ของไอดอลช่วยให้ปิศาจที่บอกว่าเราไม่ดีพอ ต้องจมอยู่ใต้ผืนโลกตลอดไป จนกว่าเราจะเข้มแข็งและเชื่อว่า ไม่ว่าเราจะเป็นอย่างไร เราทุกคนก็สมควรได้รับความรัก
#KpopDemonHunters #KDH #SelfAcceptance #SelfEsteem #Spectator
Content by Ms. Satisfaction
Graphic by frogman
#SPECTRUM #พื้นที่ความคิดของทุกสีสัน
“กรุณาแสดงความเห็นอย่างสุภาพและสร้างสรรค์ ทีมงานสงวนสิทธิ์ในการลบหรือดำเนินการตามสมควร กับความเห็นที่สร้างความเกลียดชัง (hate speech) หรือละเมิดสิทธิของบุคคลอื่น”