Spectrum

คำนำหน้าชื่อที่ตรงกับเพศสภาพ ควันหลงจาก Bangkok Pride 2025 และสารพัด ‘ไม่เห็นด้วย’ ของคนไทยที่อาจไปไม่พ้นการเกลียดกลัวคนข้ามเพศ

3 นาที

6

Share to

มิถุนายน 3, 2025

3 นาที

6

มิถุนายน 3, 2025

Share to

หลังจบงาน Bangkok Pride Parade 2025 ที่จัดขึ้นเมื่อวันที่ 1 มิถุนายนที่ผ่านมา ก็เป็นเรื่องที่คาดไว้แล้วว่าจะมี ‘ความคิดเห็น’ จากฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยผุดขึ้นมาเช่นทุกปี นอกจากการวิจารณ์เรื่องเดินลงถนนของพาเหรด และการเรียกร้องหาสเตรทไพรด์ ปีนี้เรื่องที่ถูกเพิ่มมาคือไม่เห็นด้วยกับการเปลี่ยนคำนำหน้าชื่อ หลังจากป้ายข้อความ “กะเทยไทยควรได้ใช้นางสาว” จากขบวนกลายเป็นไวรัล เหล่าผู้ที่คัดค้านสิทธิการเปลี่ยนคำนำหน้าชื่อก็พากันแห่แหนมาคอมเมนต์ ในขณะที่คนข้ามเพศก็พยายามเอาเหตุผลมาตอบโต้

ประเด็นนี้เป็นภาพสะท้อนปัญหาเกลียดกลัวคนข้ามเพศของสังคมไทยที่มักเริ่มต้นด้วยประโยคว่า “ไม่ได้เหยียดนะ แต่…” ที่มองว่าสิทธิขั้นพื้นฐานในการใช้คำนำหน้าที่สอดคล้องกับอัตลักษณ์เป็นการเรียกร้องมากเกินไป ได้คืบจะเอาศอก ข้อโต้แย้งจากอคติเหล่านี้ไม่เพียงเป็นการลดทอนศักดิ์ศรี แต่ยังคงเปิดช่องให้เกิดการเลือกปฏิบัติในชีวิตประจำวัน ซึ่งกระทบทั้งสุขภาพกายและสุขภาพจิต แล้วยังละเลยข้อเท็จจริงว่ามีคนข้ามเพศที่ถูกทำร้ายร่างกายเพราะคำนำหน้าไม่ตรงกับเพศสภาพ มีคนที่ถูกปฏิเสธงานเพราะบริษัทไม่รับกะเทย

#นานาเหตุผลของคนอคติ

แอคเคาท์หนึ่งใน X ได้นำรูปป้ายดังกล่าวในไพร์ดพาเหรดมาลง และโพสต์ข้อความที่ไม่เห็นด้วย โดยผูกคำนำหน้าชื่อ โยงกับความสามารถในการตั้งครรภ์พร้อมแจกแจงเหตุผลว่าไม่ควรให้คนข้ามเพศเปลี่ยนคำนำเพราะว่าไม่สามารถมีบุตรได้ ด้านฝั่งที่สนับสนุนสิทธิการเปลี่ยนคำนำหน้าก็เข้ามาตอบกลับว่าในสังคมยังคงมีผู้หญิงแต่กำเนิดจำนวนมากที่ไม่สามารถมีบุตรได้ และนั่นไม่ได้ทำให้ความเป็นหญิงลดลง ไม่ได้มีการเรียกร้องว่าหญิงเหล่านั้นควรถูกริบคำว่า ‘นางสาว’ ไป นอกจากนี้ยังมีเพจดังในเฟสบุ๊คที่โพสต์รูปนี้พร้อมตั้งคำถามว่า “คิดเห็นอย่างไร” ราวกับว่าสิทธิที่จะใช้คำนำหน้าชื่อของบุคคลหนึ่งเป็นเรื่องที่ ‘ใครๆ’ ก็มีสิทธิจะไม่เห็นด้วยก็ได้

ฝั่งที่คัดค้านการเปลี่ยนคำนำหน้า พยายามกล่าวถึงปัญหาทางการแพทย์ ที่หากเปลี่ยนคำนำหน้าชื่อไม่ตรงกับเพศกำเนิด เมื่อต้องเข้ารับรักษาทางการแพทย์จะทำให้เกิดปัญหาตามมา แต่ถึงอย่างนั้นก็มีข้อมูลรับรองว่าสำหรับขั้นตอนการรักษาทางการแพทย์เช่น เจาะเลือด วัดไข้ เป็นต้น ก็สามารถทำได้โดยไม่จำเป็นต้องแยกเพศ และมีความเห็นเสนอว่าการใช้ทะเบียนเวชลงประวัติคนไข้ สามารถทำได้โดยแยก Sex (เพศกำเนิด) กับ Gender (เพศสภาพ) และยังมีการอ้างถึงปัญหาความสัมพันธ์ ‘คนตรงเพศ’ อาจโดนหลอกเพราะถูกปิดบังตัวตนจากคนข้ามเพศ ทั้งที่ในความเป็นจริงแล้วการปิดบังก็เกิดขึ้นได้ในความสัมพันธ์ของสเตรทเช่นกัน ที่เห็นได้บ่อย ๆ ข่าวที่มีการปิดบังตัวตนทั้งอายุและหน้าที่การงาน เพื่อเข้ามาหวังผลประโยชน์จากเหยื่อ เช่น กรณีของ ‘ไอโซเก๊’ ที่เพิ่งจะเป็นข่าวดังไปเมื่อเดือนที่ผ่านมา ดังนั้นปัญหาของการหลอกลวงเพื่อหวังผลประโยชน์ในความสัมพันธ์ไม่ใช่ปัญหาที่เกิดขึ้นเฉพาะ– ซึ่งเป็นข้อมูลที่เราล้วนทราบกันดี หากไม่มีอคติจนเกินไป 

นอกจากฝ่ายที่ค้านหัวชนฝา ก็ยังมีฝ่ายที่บอกว่าคนข้ามเพศต้องประนีประนอม โดยเสนอให้ใช้ ‘นายสาว’ หรือ ‘คุณ’ แทนเพื่อเท่าเทียมกันทั้งสองฝ่าย และอีกกลุ่มแสดงความเห็นว่าคนข้ามเพศควรใช้คำนำหน้าชื่อตามเพศกำเนิดและจงภูมิใจหรือยอมรับกับเพศสภาพของตนเองให้ได้โดยไม่ต้องเปลี่ยนแปลงคำนำหน้า โดยละเลยปัญหาที่คนข้ามเพศเจ้าของประสบการณ์พยายามชี้แจง

“ลองไปสมัครงานดูนะคะ เวลาไม่รับกะเทยรับแค่เพศชายหญิงแล้วจะรู้สึก”

“เวลาไปต่างประเทศไปที่ไหนเขาก็สงสัยว่าทำไมร่างกายไม่ตรงกับชื่อ เสียเวลาติดด่าน”

“ไม่เคยโดนล้อเป็นสิบ ๆ ปี ก็คงไม่มีทางเข้าใจ”

คนข้ามเพศได้เข้ามาแชร์ประสบการณ์ และให้เหตุผลถึงความสำคัญของการเปลี่ยนคำนำหน้าชื่อและเล่าเพื่อยืนยันว่าการที่คำนำหน้าชื่อไม่ตรงกับเพศสภาพเป็นประเด็นที่มีปัญหามาอย่างยาวนานและทำให้หลายคนต้องถูกเลือกปฏิบัติ เดือนมีนาคมปีที่ผ่านมา ชายข้ามเพศชาวไทยถูกสายการบินแห่งหนึ่งปฏิเสธไม่ออกตั๋วโดยสารให้ เนื่องจากคำนำหน้าชื่อไม่ตรงกับเพศสภาพ นอกจากนั้นยังมีเหตุการณ์ที่หญิงข้ามเพศถูกเลือกปฏิบัติ ทั้งโดนสายตาท่าทีที่เหยียดหยามและถูกถามคำถามราวกับเป็นเรื่อง ‘ตลก’ ที่เธอมีคำนำหน้าชื่อว่า ‘นาย’ ขณะเข้ารับบริการในคลินิกทางการแพทย์ ช่องคอมเมนต์ของโพสต์ดังกล่าวยังมีหลายคนคนเข้ามาเล่าถึงประสบการณ์ในการถูกปฏิเสธรับเข้าทำงานเพราะคำนำหน้าชื่อ โดยบริษัทอ้างเหตุผลว่าต้องการรับบุคคลที่เพศสภาพตรงกับเพศกำเนิดเท่านั้น

#พรบรับรองเพศสภาพ

ปัจจุบันกฎหมายไทยยังไม่อนุญาตให้เปลี่ยนคำนำหน้าชื่อได้ และอยู่ในช่วงที่กำลังเรียกร้องให้ ‘พ.ร.บ.รับรองการกำหนดเจตจำนงในอัตลักษณ์ทางเพศสภาพ การแสดงออกทางเพศสภาพ และคุณลักษณะทางเพศของบุคคล พ.ศ. …’ มีผลบังคับใช้ตามกฎหมาย โดยปัจจุบันอยู่ในช่วงขอรับรายชื่อ ซึ่งพ.ร.บ.ฉบับนี้ศึกษาและปรับข้อมูล จากหลายประเทศที่ได้การเปลี่ยนคำนำหน้าชื่อให้ตรงกับเพศสภาพเป็นเรื่องที่ถูกกฎหมายมาปรับใช้เพื่อให้ตรงกับบริบทในสังคมมากที่สุด เช่น ประเทศเดนมาร์ก ประเทศแรกในยุโรปที่อนุญาตให้บุคคลที่มีอายุ 18 ปี ขึ้นไป สามารถเปลี่ยนเพศสภาพทางกฎหมายตามที่ต้องการได้ หรือประเทศสหรัฐอเมริกา ทั้ง 16 รัฐ และ กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ที่อนุญาตให้ผู้อยู่อาศัยสามารถเลือกระบุคำนำหน้าเพศด้วย ‘M (Male)’ ‘F (Female)’ และ ‘X (เพศกลางหรือการไม่ระบุเพศ)’ และพลเมืองเปลี่ยนใบสูติบัตรของตนเองได้ โดยไม่ต้องมีหนังสือรับรองทางการแพทย์

นอกจากนี้ยังมีผลสำรวจที่เผยว่าการเปลี่ยนคำนำหน้าให้ตรงกับอัตลักษณ์ทำให้คนข้ามเพศได้รับการดูแลจากบุคลากรทางการแพทย์อย่างเท่าเทียม ลดอัตราการถูกเลือกปฏิบัติ และทำให้กล้าขอความช่วยเหลือจากตำรวจมากขึ้นเมื่อเกิดเหตุความรุนแรง ผลวิจัยชี้ว่าการเปลี่ยนคำนำหน้าชื่อนอกจากจะทำให้สุขภาพจิตของคนข้ามเพศดีขึ้นแล้วยังทำให้สุขภาพโดยรวมดีขึ้น เนื่องจากสามารถเข้าถึงสิทธิขั้นพื้นฐานอย่างการรักษาพยาบาล การใช้สิทธิพลเมือง การใช้บริการสาธารณะด้วยความมั่นใจขึ้นจากการไม่กังวลว่าจะถูกเลือกปฏิบัติ

ปัจจุบันประเทศไทยยังอยู่ในกระบวนการผลักดัน ร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยการรับรองเพศ คำหน้านาม และการคุ้มครองบุคคลผู้มีความหลากหลายทางเพศอยู่ โดยเปิดให้ร่วมลงชื่อที่ https://intersexthailand.org/petition/ 

#คำนำหน้าชื่อ #BangkokPrideParade

Content by Editorial Team

Graphic by Chayanit K.

อ้างอิง

BBC: https://bit.ly/45GqMG7

RSG: https://bit.ly/3ZeBX4T

PMC: https://bit.ly/4dKT9ov

X: https://bit.ly/3FC76IS

FB: https://bit.ly/4dIDNRs

#SPECTRUM #พื้นที่ความคิดของทุกสีสัน

“กรุณาแสดงความเห็นอย่างสุภาพและสร้างสรรค์ ทีมงานสงวนสิทธิ์ในการลบหรือดำเนินการตามสมควร กับความเห็นที่สร้างความเกลียดชัง (hate speech) หรือละเมิดสิทธิของบุคคลอื่น”

a senior baby girl