“สังคมไทยกำลังก้าวเข้าสู่ Gender Less Society”
ประชากรกลุ่มหลากหลายทางเพศนั้นมีจำนวนมากและมีทิศทางเพิ่มมากขึ้นทุก ๆ ปี และเมื่อสังคมเริ่มเปลี่ยนผ่านไปสู่ยุคที่ ‘เพศ’ ไม่ใช่ข้อจำกัดในการดำรงชีวิตอีกต่อไป เราจึงเริ่มเห็นการลดบทบาทของการนิยามเพศแบบเดิม ๆ ในเวทีเสวนา ‘หลากหลายใต้ตัวเลข ชีวิตทางเพศ LGBTQ+ ของไทย’ ประเด็นเหล่านี้จึงได้ถูกหยิบยกมาพูดถึง ตั้งแต่การคาดการณ์จำนวนประชากรของกลุ่มหลากหลายทางเพศ และสถานการณ์ชีวิตความเป็นอยู่ของกลุ่มคนเหล่านั้นภายใต้ตัวเลข รวมถึงคำถามที่ต้องให้สังคมคิดต่อถึงเรื่องที่อาจจะถูกลืมหรือปัญหาที่ยังเป็นช่องโหว่ของกลุ่มคนหลากหลายทางเพศ โดยผู้ร่วมเสวนาประกอบไปด้วยคณะอาจารย์ สื่อ ผู้เชี่ยวชาญทั้งด้านสถิติประชากรและเรื่องสิทธิของ LGBTQ+
ในช่วงเริ่มต้นของงาน ได้มีการนำเสนอผลงานวิจัยที่ถือเป็นการสำรวจประชากร LGBTQ+ อย่างเป็นระบบครั้งแรกของประเทศไทย ในปี พ.ศ. 2567 ที่เป็นแกนหลักในการเสวนาครั้งนี้ โดยใช้พื้นที่สำรวจคือครัวเรือนในจังหวัดราชบุรี ที่เข้าไปสอบถามเพศสภาพของสมาชิกในแต่ละครอบครัว จากการสำรวจครัวเรือนทั้งหมดประมาณ 2,466 ครัวเรือน ทั้งการสัมภาษณ์และแบบสำรวจ ซึ่งพบเพศสภาพที่หลากหลายแตกต่างกันออกไป นอกจากนี้ ยังมีการเก็บข้อมูลจากเยาวชนระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย อาชีวศึกษา และมหาวิทยาลัย รวมทั้งสิ้น 1,106 คน เพื่อให้ได้ภาพที่รอบด้านเกี่ยวกับความหลากหลายทางเพศในบริบทของไทยในปัจจุบัน ซึ่งจากการสำรวจทั้งหมดก็ได้พบว่าประชากรที่มีความหลากหลายทางเพศในประเทศไทยคิดเป็นสัดส่วน 2.37% ของประชากรทั้งหมด แบ่งเป็นผู้ชายประมาณ 540,000 คน และผู้หญิงประมาณ 1.04 ล้านคน และจำนวนตัวเลขนี้ถือเป็นตัวเลขอย่างต่ำ นอกจากนี้การสำรวจประชากรครั้งนี้ยังรวมประชากรอินเตอร์เซ็กซ์ และพบว่ามีคนอินเตอร์เซ็กซ์ในกลุ่มตัวอย่าง 1 คน
#ชีวิตของกลุ่มคนหลากหลายทางเพศ
ภายใต้ตัวเลขของประชากรที่ระบุว่าเป็นกลุ่มหลากหลายทางเพศ สิ่งที่ตามมาคือการมองเห็นภาพชีวิตและประสบการณ์ของกลุ่มคนเหล่านี้ในมิติที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้น โดยในการสำรวจได้ใช้คำถาม 3 ข้อคือเรื่องของเพศกำเนิด อัตลักษณ์ทางเพศ และรสนิยมทางเพศ ที่สะท้อนคำว่าขนบเพศวิถีออกมาได้ชัดเจนที่สุด และทำให้เห็นสถานการณ์ชีวิตของกลุ่มคนหลากหลายทางเพศในหลาย ๆ ด้าน
สิ่งที่ค้นพบได้อย่างแรกในการสำรวจตามคำบอกกล่าวของผู้เสวนาคือ ในการตั้งคำถามเกี่ยวกับเพศของผู้ถูกสำรวจโดยตรง การให้แต่ละคนระบุ ‘เพศของตนเอง’ เป็นเรื่องที่ซับซ้อน เนื่องจากหลายกลุ่มคนหลากหลายทางเพศหรือแม้เพศตามขนบวิถี (ชาย-หญิง) มีวิธีนิยามตนเองที่แตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับว่าพวกเขาเรียกตัวเองว่าอะไร จึงไม่สามารถเห็นภาพชีวิตของความหลากหลายได้ จึงได้ขยายประเด็นไปยังเรื่องของ ‘อัตลักษณ์ทางเพศ’ ที่เผยว่าเห็นภาพความหลากหลายทางเพศชัดเจนมากขึ้น และสะท้อนไปยังปัญหาที่กำลังเกิดขึ้น ในแง่ของการแสดงออกทางเพศสภาพ ที่ยังคงมีการไม่ยอมรับ LGBTQ+ อยู่ นำไปสู่ปัญหาการบังคับ การเลือกปฏิบัติ รวมถึงความรุนแรงทางเพศจากครอบครัวหรือสังคมที่ส่งผลให้เกิดปัญหาสุขภาพจิตตามมา เป็นปัญหาที่ยังคงอยู่ในสังคมของความหลากหลายทางเพศในไทย และอีกด้านที่ยิ่งทำให้เห็นภาพชีวิตของกลุ่มความหลากหลายทางเพศชัดขึ้นคือ ‘รสนิยมทางเพศ’ ที่ระบุทั้งเรื่องความรัก ความชอบ และความสนใจ ซึ่งนอกจากนี้ยังมีข้อมูลเกี่ยวกับ ‘ความหลื่นไหลทางเพศ’ ที่หมายถึงการที่บุคคลหนึ่งอาจมีอัตลักษณ์ทางเพศและรสนิยมทางเพศที่เปลี่ยนแปลงไปตามช่วงเวลา จากข้อมูลทั้งหมดนี้จึงชี้ให้เห็นว่าสังคมไทยกำลังก้าวเข้าสู่การเป็น ‘สังคมไร้เพศ’ และทิศทางที่เกิดขึ้นทำให้เห็นว่าสังคมมีความเข้าใจต่อความหลากหลายและความเปลี่ยนแปลงทางเพศมากขึ้น แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังคงมีปัญหารุนแรง การเลือกปฏิบัติในสังคมที่ยังมีคนมากมายต้องเผชิญอยู่ในกรอบของคำว่าเพศ
#ประเทศไทยกำลังก้าวเข้าสู่สังคมไร้เพศ
และสำหรับช่วงสุดท้ายของงาน ผู้เชี่ยวชาญและผู้ร่วมฟังเสวนาได้แลกเปลี่ยนความเห็นต่าง ๆ ร่วมกัน เนื่องจากตัวเลขจากงานวิจัยไม่ได้เป็นเพียงแค่ข้อมูลเชิงปริมาณ หากแต่สามารถเล่าเรื่องราวของกลุ่มคนที่มีเพศวิถีทั้งตามขนบและนอกขนบได้ว่าพวกเขามีชีวิตอย่างไรในสังคมปัจจุบัน โดยได้มุ่งไปที่ประเด็นของงานวิจัยทั้งจุดแข็ง ปัญหาและเสนอแนวทางการดำเนินต่อของงานวิจัยที่ยังคงมีช่องโหว่สำหรับกลุ่มคนหลากหลายทางเพศอยู่ สังคมไทยที่ค่อย ๆ เปลี่ยนแปลงไป คำจำกัดความของเพศจึงยิ่งขยายตัวมากขึ้น สิ่งที่ตามมาก็คือคำถามถึงการเรียกตนเองในสังคมและสังคมเรียกเราอย่างไร และนั่นเองที่สะท้อนถึงความซับซ้อนและความรู้สึกเจ็บปวดที่เป็นปัญหาของผู้ที่อยู่นอกกรอบขนบเพศออกมา เพราะพวกเขาไม่สามารถแสดงตัวตนออกมาได้อย่างเต็มที่ และไม่สามารถเรียกตัวเองได้ อีกหนึ่งประเด็นจึงได้ถูกหยิบยกขึ้นมาคือ การที่ “ประเทศไทยกำลังก้าวเข้าสู่สังคมไร้เพศ” การไร้เพศในที่นี้ เป็นความเจ็บปวดที่กลุ่มคนหลากหลายทางเพศต้องเผชิญและรับมือหรือเป็นการต่อรองที่จำเป็นเมื่อตัวตนของเราไม่อาจได้รับการยอมรับจากสังคมหรือไม่ แม้ว่าการพูดเรื่องเพศในสังคมไทยจะเปิดกว้างและเคลื่อนตัวไปในทิศทางที่ดีขึ้น แต่คำถามเหล่านี้ก็ยังคงเกิดขึ้นโดยเฉพาะเมื่อเรายังไม่สามารถบอกได้ชัดเจนว่าเราเป็นเพศอะไรหรือบางครั้งก็ไม่กล้าจะนิยามตัวเองเลยด้วยซ้ำ จึงเป็นคำถามที่เกิดขึ้นต่อให้สังคมได้ทบทวนกันว่าเราจะพร่าเลือนสิ่งนี้อย่างไร และคำว่าสังคมไร้เพศแท้จริงแล้วต้องทำอย่างไร
สิ่งที่งานวิจัยชิ้นนี้ได้ทิ้งไว้คือการชี้ให้เห็นอย่างชัดเจนว่า ‘ความหลากหลายทางเพศ’ ไม่ได้เป็นเพียงคำเรียกชื่อกลุ่ม หรือป้ายกำกับทางสังคมที่ใช้จัดหมวดหมู่ผู้คนเท่านั้น แต่คือความเป็นจริงที่มีอยู่จริงในทุกมิติของสังคมไทย ความหลากหลาย ความซับซ้อนที่ไม่ใช่เพียงในเชิงเพศสภาพหรือรสนิยมทางเพศเท่านั้น แต่ยังรวมถึงอัตลักษณ์ วิธีคิด วิธีใช้ชีวิต และความสัมพันธ์ของผู้คน ที่ไม่สามารถจำกัดไว้ด้วยกรอบเพศเดิมๆ ได้อีกต่อไป
#BangkokPrideForum #BangkokPride2025 #LGBTQIANplus
Content by Pitchaya S.
Graphic by frogman
#SPECTRUM #พื้นที่ความคิดของทุกสีสัน
“กรุณาแสดงความเห็นอย่างสุภาพและสร้างสรรค์ ทีมงานสงวนสิทธิ์ในการลบหรือดำเนินการตามสมควร กับความเห็นที่สร้างความเกลียดชัง (hate speech) หรือละเมิดสิทธิของบุคคลอื่น”