Spectrum

ชาตินิยมเรื่องใหญ่ หญิง-ชายเรื่องเล็ก คุยกับธัญญรัตน์ ประดิษฐ์แท่น และชาติชาย เกษนัส ผู้กำกับและโปรดิวเซอร์ จากละครเวที “กมล” ที่หยิบเรื่องรักในตำนานมาเล่าใหม่ในวันที่พรมแดนไทย-เมียนมาไม่เหมือนเดิม

3 นาที

5

Share to

กุมภาพันธ์ 7, 2025

3 นาที

5

กุมภาพันธ์ 7, 2025

Share to

‘มะเมียะ’ คือชื่อของผู้หญิงในตำนานที่มีภูมิลำเนาอยู่ในเมียนมา เธอตามติดเจ้าน้อยกลับมาในดินแดนสยามหลังจากทั้งคู่ตกหลุมรักกันขณะเจ้าน้อยไปเรียนต่อ ขณะข้ามดินแดน มะเมียะได้ปลอมตัวเป็นผู้ชายเพื่อไม่ให้เกิดข้อสงสัย ตำนานนี้เป็นโศกนาฏกรรมที่ลงเอยด้วยการแยกจาก เจ้าน้อยต้องแต่งงานกับผู้หญิงที่เหมาะสม มะเมียะเดินทางกลับเมียนมาและออกบวช ความรักที่ไม่สมหวังครั้งนี้เกิดจากหลายปัจจัย ชนชั้นเป็นเรื่องหนึ่ง แต่เชื้อชาติก็สำคัญอย่างยิ่งกับการเมืองระดับดินแดนเพราะสถานะของเจ้าน้อย เมียนมาในขณะที่ตำนานนี้เกิดขึ้น (พ.ศ. 2440) กำลังอยู่ในช่วงล่าอาณานิคมจากอังกฤษ เส้นแบ่งของชาติเป็นตัวแปรหนึ่งของบทสรุปความสัมพันธ์ และการที่คนหนุ่มสาวที่รักกันอย่างบริสุทธิ์ใจต้องแยกจากกันเพราะการเมืองก็ร้าวรานสะเทือนใจคนจน ‘มะเมียะ’ ถูกผลิตซ้ำทั้งในรูปแบบเรื่องเล่า ละคร ภาพยนตร์ บทเพลง และวันนี้ในรูปแบบ ละครเวทีที่ชื่อ ‘กมล’

แต่ในมะเมียะเวอร์ชั่นของ White Light Studio เธอไม่ใช่ผู้หญิง ความคิดเห็นที่กล้าหาญนี้ออกจากปากของ ‘ชาติชาย เกษนัส’ ผู้กำกับ โปรดิวเซอร์ และอาจเรียกได้ว่าเขาคือนักประวัติศาสตร์คนหนึ่งที่หลงรักเอเชียอาคเนย์สุดหัวใจ ความคิดเห็นนั้นถูกนำมาตีความในรูปแบบละครโดย ‘ธัญญรัตน์ ประดิษฐ์แท่น’ แล้วการทำงานร่วมกับนักแสดงในรูปแบบ Devised Theatre ก็ค่อย ๆ คลี่คลายความทับซ้อนทางเชื้อชาติและความซับซ้อนเรื่องเพศให้กลายมาเป็นละครรักหนึ่งเรื่อง ที่ผสมรวมความตั้งใจในเชิงการเมืองและบทสดุดีต่อความรักที่บริสุทธิ์

เรานัดคุยกับ ธัญญรัตน์ ประดิษฐ์แท่น และชาติชาย เกษนัส ไม่กี่วันก่อนซ้อมใหญ่ วันนั้นละครเรื่องกมลยังเดินทางด้วยนักแสดงและเรี่ยวแรงของผู้กำกับ แต่ในวันที่ 7 กุมภาพันธ์นี้ กมลจะได้ฤกษ์เบิกโรงทำการแสดงเป็นรอบแรก และเราอยากชวนทุกคนมาทำความรู้จักกมลและละครโรงเล็กที่ยิ่งใหญ่สักครั้ง ก่อนจะทำได้เรียนรู้และรับฟังเรื่องรักในตำนานนี้ใหม่ จากมุมมองของ ‘ชาติชาย’ และ ‘ธัญญรัตน์’

ทำไมเราถึงเล่า ‘กมล’ เป็นละครโรงเล็ก

ส้มโอ: การทำละครโรงเล็กทำแล้วไม่ได้เงินทำทำไมใช่ไหมคะ คนจะชอบถามว่าทำทำไม เรามีทางเลือกในชีวิตเราหลายทางมาก แต่การทำสิ่งหนึ่งมันได้สิ่งหนึ่งกลับมาอยู่แล้ว การทำเวทีโดย เฉพาะละครเวทีโรงเล็กที่เรารู้สึกว่ามันไม่ได้แสวงผลกำไร สิ่งที่เราได้กลับมามันมันคือค่าตอบแทนที่มากกว่าเงินนะสำหรับส้มโอ มันคือทุก ๆ กระบวนการที่เราทำงานคือคือสิ่งตอบแทนที่เราได้มา การมาทำงานกับคนตัวเป็น ๆ เหมือนวันนี้เรามาเจอกัน เรามาซ้อมเข้าฉากนี้มา เมื่อวานนักแสดงยังไม่ได้ เราแก้ปัญหากัน วันนี้มันไปต่อ วันนี้ Stage มาช่วยเราให้เราแก้ปัญหาตรงนี้ไปได้ มันคือเหมือนกับไม่รู้สิ สิ่งที่ได้มันคือเหมือนสกิลชีวิตที่มันค่อย ๆ เข้ามา มันเลยเหมือนเราได้อะไรทุกวันจากการมาทำงาน มาซ้อมละคร การมาเจอกันมาทำอะไรด้วยกัน มาหา มาเสี่ยง มาลุย มาทรมานไปด้วยกัน บางทีทำไมวันนี้คิดไม่ออกเลย มันก็เป็นอย่างนั้นอ่ะคะ

อะไรทำให้งานละครเวทีโรงเล็กมันไปต่อได้

ส้มโอ: ใจ น่าจะใจ (ยิ้ม) มีวิจัยฉบับหนึ่งเรื่องการดำรงอยู่ของกลุ่มละครโรงเล็กในประเทศไทย ทำแบบเอาหลักเศรษฐศาสตร์มาจับ มีการบริหารจัดการยังไง สุดท้ายแล้วผลของมันก็คือว่ามันมีการบริหารจัดการในรูปแบบที่แตกต่างไปเฉพาะกลุ่มเพื่อให้อยู่รอดได้ และมันเป็นการบริหารจัดการที่ไม่ใช่ในเชิง Commercial มันเป็นการรันตัวเองไปเพื่อให้ทำสิ่งนี้ (ละคร) ต่อไปได้ ไม่ขาดทุนก็ดีแล้ว ก็แฮปปี้ ที่สำคัญคือละครโรงเล็กแต่ละกลุ่มนั้นมีความเชื่อว่าละครมีฟังก์ชั่นบางอย่างกับสังคม อันนี้เลยเป็นเหตุผลสำคัญที่ตอบว่าทำไมละครโรงเล็กยังคงอยู่ค่ะ ในอีกมุมหนึ่งที่เท่าที่สังเกตพี่ ๆ หลาย ๆ ท่านก็จะมีการทำงานอื่น ๆ ด้วย มีอาชีพของตัวเอง เราทำสิ่งนี้ เป็นสิ่งที่อาจจะไม่ใช่รายได้หลัก แต่เป็นสิ่งหลักที่ทำ สวนทางนิดนึง แต่อาชีพเราก็ทำจริงจังนะ 

เราเห็นเมสเสจทางการเมืองบ่อยครั้งในละครโรงเล็ก มันเป็นเพราะอะไร ?

ส้มโอ:  ละครโรงเล็กเรามีอิสระในการเลือกประเด็นที่จะสื่อสารกับคนดูค่ะ และวิธีการที่ใช้ก็มีหลากหลาย เช่น เรื่องกมลเป็น Text Based เราใช้คำพูด เป็นช่องทางหลักในการสื่อสาร แล้วก็จะมีการแสดงที่ไม่ใช่ Text Based ซึ่งในความคิดของส้มโอ มองว่า ก็เป็นแนวทางที่สามารถนำเสนอประเด็นต่าง ๆ ที่เราให้ความสนใจ สิ่งที่เกิดขึ้นในชีวิตของเรา ในสังคม บ้านเมือง การเมือง และอีกหลายอย่างที่เกิดขึ้นและส่งผลกระทบต่อผู้คน เป็นข้อสังเกตที่พบว่าการแสดงในกลุ่มละครโรงเล็กเลยมีอิสระมากพอที่จะเปิดโอกาสให้เราได้พูด ตั้งคำถาม หรือเสนอ เมสเสจที่อยากจะพูดได้อย่างบริสุทธิ์ใจ ละครคือศิลปะที่เล่าเรื่องชีวิตคนน่ะค่ะ ถ้าเราทำละครแล้วไม่พูดอะไรที่เกี่ยวกับสิ่งที่เราเจออยู่ตรงนี้ เรื่องชีวิต เรื่องคน และความเป็นไปต่างๆ มันก็ไม่รู้ทำทำไม ใช่ไหมคะ 

มีความตั้งใจทางการเมืองใดใดเกิดขึ้นใน ‘กมล’ หรือเปล่า

ส้มโอ:  ส้มโอไม่ได้มองเป็นอะเจนด้าค่ะ ต้องเล่าก่อนว่าพี่แน็ตกับส้มโอทำงานด้วยกันมาในฐานะผู้กำกับและ Acting Coach ที่ทำงานด้วยกันมา แล้วเราก็รู้สึกว่าเรามีความชอบใกล้ๆ กัน เรามีสิ่งที่รสนิยมใกล้ๆ กันแต่ว่าประเด็นความสนใจเรามีหลากหลายมากตามสไตล์ ทีนี้มีอยู่วันหนึ่งพี่แน็ตก็พูดว่าแบบเอออยากทำเรื่องมะเมียะไหม เราก็ถามทำไมพี่แน็ตสนใจเรื่องนี้อะไรอย่างงี้ รู้จักไหมเขาบอก รู้จัก แล้วส้มโอก็ชอบด้วย เคยฟังเพลงน้าจรัญตั้งแต่สมัยเป็นเด็ก จำไม่ได้ว่ามัธยมน่าจะค่ะ ฟังเพลงนั้นแล้วก็รู้สึกสะเทือนใจเพราะว่าเป็นคนอินกับความรัก

เราอินกับความรัก คุณชาติชายเขาอินกับการเมือง แต่ว่าบังเอิญว่าความอินของเราสองคนน่ะมันมาเจอกัน คือมันมาเจอกันตรงที่ว่าส้มโอกับพี่แน็ตอ่ะถามว่าเอ๊ะมันมีจริงไหมเรื่องนี้ คือหมายความว่าเรื่องนี้เป็นโศกนาฏกรรมความรักที่มันเทียบเท่ากับโรมิโอ จูเลียตเลยนะ มันมี Conflict มีความรักที่เต็มไปด้วยเงื่อนไข ความรักที่เป็นไปไม่ได้ ความรักที่มีอุปสรรคเป็นเรื่องใหญ่ที่ไม่ใช่แค่เรื่องเราสองคน มันครบในทางละคร เราก็เลยสนใจโครงสร้างเรื่องนี้มาก แล้วพี่แน็ตก็พูดมาคำหนึ่งว่า ‘เธอลองคิดดูนะ ถ้ามะเมียะเป็นผู้ชาย’ เราก็ ‘ฮะ มะเมียะเป็นผู้ชาย’

ตอนแรกขำ คิดว่าพี่แน็ตปิ๊งไอเดียกระฉูดมาก แต่ว่าพอมาย้อนคิด มันเป็นไปได้นะ การทำงานในเรื่องนี้เลยกลายเป็นไปหาความเป็นไปได้ว่าสิ่งที่พี่แน็ตคิด ไม่ใช่สิ่งที่เป็นไปไม่ได้ หรือมารื้อสร้างอะไร แต่ว่าเป็นเหมือนการตั้งคำถามที่เขาตั้งคำถามมา แล้วส้มโอก็คิดว่า เป็นได้ดิวะ

ในทุก ๆ เรื่องเล่า มันมีรายละเอียดของมันและเรื่องเล่าใด ๆ ก็ตามคนที่เป็นคนเล่า คือคนที่มีอำนาจเนอะว่าเราจะวางอะไรใครไว้ยังไง ก็เลยสนใจความเป็นเรื่องเล่ามากกว่า 

แน็ต: เรื่องราว LGBTQ+ เราเชื่อว่ามันมีมาตลอดเวลาอยู่แล้ว เพียงแต่ก็ก็เหมือนประวัติศาสตร์ไทยที่จะมีหลายตัวละครหายไป หลายเหตุการณ์หายไป เพราะว่าเราถูกเลือกเล่า คือมันก็สนุกดีในการที่ย้อนกลับไปแล้วมันมีมุมนี้อยู่ ในงานศิลปะของย่านนี้ พื้นที่ของ LGBTQ+ เป็นพื้นที่ศักดิ์สิทธิ์เสมอ คือเขาอยู่ในเวทีละครที่ต้องผ่านกระบวนการในการครอบครู ในการไหว้ ในการที่จะเข้าไปถึงพื้นที่นั้นแล้วก็ถอยออกมา ผมคิดว่ากระบวนการเหล่านี้มันเป็นกระบวนการที่ไม่ทำให้เกิดความเป็นอื่น แล้วก็มันเป็นกระบวนการที่มันฮีล คือการที่รู้พื้นที่เยอะ ก้าวเข้าไปแล้วก็ถอยออกมา มันก็คงเหมือนเรื่องของที่เราทำอยู่เนี่ย ของตัวละคร ถ้าเกิดเขาอยู่ในพื้นที่ของเขาความรักเขาก็น่าจะอีกแบบหนึ่ง โลกภายในเขาอาจจะจริงมากกว่าโลกที่เขามีชีวิตอยู่ ต้องเรียนหนังสือ ต้องมีปฏิสัมพันธ์ ไอ้โลกที่เราอยู่ตอนนี้คุยกันตอนนี้มันอาจจะไม่ใช่ความจริงซะทั้งหมด ผมก็คิดว่ามันสนุกดี คนก็รู้ว่ามันไม่ใช่เรื่องจริง แต่ในขณะเดียวกันมันก็สนุกที่จะมองเห็น เราอาจจะเห็นความจริงอีกมิติหนึ่งก็ได้

เราจะเห็นอะไรในโลกของกมล

ส้มโอ: ส้มโอรักตัวละครสองตัวนี้มาก เราทำความรู้จักเขาในฐานะมนุษย์สอง คนรักสองคนนี้เขาก็มีสิทธิ์ที่จะดำเนินชีวิต หรือเกิดความรัก หรืออะไรก็ตามในแบบของเขา เพราะฉะนั้นไม่ได้มองว่ามันจะต้องกังวลอะไร คิดว่ามันคือการนำเสนอคนสองคนนี้ที่เขารู้สึกอย่างไรต่อกัน และเขามีชีวิตความคิดข้างในกันยังไง แต่ว่าชีวิตภายนอกที่ต้องอยู่กับบริบทกับสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นยังไง กมลมันคือความสวยงามตรงนี้มากกว่า

แน็ต: มันมีแรงบันดาลใจมากจากชีวิตจริงของคู่รักคู่หนึ่งซึ่งเขารักกันมากแล้วเขาก็ดูแลกัน แล้วก็คนหนึ่งก็เสียไปแล้ว เขาเป็นเพื่อนสนิทของผม เขาช่วยอะไรในชีวิตผมหลายอย่างมาก และเขาก็มีความรักแท้กับผู้ชายอีกคนหนึ่ง เขารักกันมากและเขาก็ดูแลกันจนถึงวาระสุดท้าย แล้วเรื่องของเขาก็ยังติดอยู่ในใจเรา มันก็เลยพาเราก้าวข้ามทุกอย่าง แล้วเราก็อยากนำเสนอมุมนี้ว่า ถ้าเกิดเรามองข้ามสิ่งนี้ เราไม่มาเสียเวลามาติดอยู่ตรงนี้ เราไม่ต้องมาต่อสู้ดิ้นรนกับสิ่งนี้ ทำไมไม่ไปดูสิ่งที่เขาทำ ไปดูความเฉลียวฉลาด ดูปัญญาที่เขาทำ พรีเซนต์หรือทำงานออกมา

การพาตัวละครข้ามเพศเริ่มจากการเป็นคำถามในวงสนทนา แต่ในละครเรื่องนี้คือการตีความตำนานที่แชร์เรื่องกับคนจำนวนมาก ในสายตาโปรดิวเซอร์และผู้กำกับคิดเห็นยังไง

แน็ต: คนที่หวงแหนเรื่องเล่านั้นเราก็ต้องบอกว่าเราได้แรงบันดาลใจมาจากเรื่องเล่าอีกทีหนึ่ง แล้วก็คิดว่าในเรื่องเล่านั้นมันไม่มีตัวละครจริง ซึ่งในหลาย ๆ ข้อเขียน แม้กระทั่งวิกิพีเดียก็ยังเล่าคนละมุม เราคิดว่าคือเราเคารพ เราเปลี่ยนชื่อ พามันออกมาเป็นอีกเรื่องหนึ่ง แต่ว่าเราสนใจในเรื่องราวนั้น แต่เรื่องราวนั้นก็อาจจะไม่จริงสำหรับเจ้าท่านั้นด้วยซ้ำไป เราคิดว่าท่านเองก็ตงตกเป็นเหยื่อของเรื่องเล่าอยู่ในมุมใดมุมหนึ่งเหมือนกัน เราก็ยังไม่รู้ว่าจริงหรือเปล่าเพราะคนที่กำลังตามไปหาความจริงก็ยังหาไม่เจอ แต่ว่าเราสนใจ ว่าอะไรที่

ส้มโอ: อะไรที่มันจับใจเรา อะไรที่มันยังคงอยู่

แน็ต: เลยคิดว่าถ้าเจอคำตอบ น่าจะ อืม เนอะ มันน่าจะมีค่ามาก

เรื่องเพศยังเป็นเรื่องอ่อนไหวเป็นพิเศษ ?

แน็ต: ผมว่าเรื่องเหยียดเชื้อชาติ (Racist) เป็นเรื่องใหญ่ที่สุด เรากับประเทศเพื่อนบ้านทั้งหลาย ณ วันนี้ผมว่ายิ่งใหญ่มาก แล้วก็ใกล้ตัวมาก แล้วก็เป็นเรื่องที่เรียกได้ว่าคอขาดบาดตาย แล้วก็ใหญ่ถึงขั้นที่ว่า South East Asia อาจจะล่มสลาย เราอาจไม่สามารถที่จะรักษาพระศาสนา อาจจะไม่สามารถรักษาพระเจ้า ไม่สามารถรักษาเทพเจ้าได้ เพราะว่าความเป็นมนุษย์เราล่มสลาย การเกิด Call Center จนกระทั่งเกินเลยกลายเป็นค้ามนุษย์ แล้วก็ถามว่าช่องว่างนี้มันไปเกิดตรงไหน เกิดบนพื้นที่ที่บอกไม่ได้ว่าเป็นประเทศอะไร พื้นที่ที่ไปทับซ้อน พื้นที่ชายขอบ แล้วเราปล่อยให้สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นได้อย่างไร แล้วที่สำคัญคือคนที่อยู่ตรงนั้น มันเป็นอาชญากรรมที่เปิดเผยต่อหน้ากันแล้ว ไม่มีทางที่เขาจะหลุดรอดออกมาได้แบบที่ยังมีชีวิตอยู่ ซึ่งเรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่มาก แต่เรากลับมาคุยกันเรื่องจะตัดไฟไม่ตัดไฟ  เรามีประเด็นที่เราหลงประเด็นตลอดเวลาเลย ทั้ง ๆ ที่มีเรื่องใหญ่กว่านั้นอยู่ เรามีประเด็นที่ว่าโรงพยาบาลรักษาพม่าหรือเปล่า ทั้ง ๆ ที่คนเหล่านั้นเขาบอกฉันไม่ใช่พม่า ฉันเป็นกะเหรี่ยง แล้วกะเหรี่ยงเป็นใคร ไทยใหญ่เป็นใคร โอ้มัน ตอนนี้ผมว่าเรื่อง Gender เป็นเรื่องเล็กมาก สำหรับสังคมไทย แล้วเราก็ศิวิไลซ์แล้วเราก้าวข้ามมาได้แล้ว แต่เรื่องนี้ตกต่ำมาก สุดท้ายเนี่ยถ้าเราปล่อยให้ความชั่วร้ายนี้ดำเนินต่อไป เราจะไม่สามารถรักษาอันนี้ได้เลย แม้กระทั่งสถาบันที่เรารัก เราก็รักษาไม่ได้เพราะว่าเราเป็นส่วนหนึ่งของอาชญากรรม  แล้วสุดท้ายมันจะกินเราอ่ะ ชนกลุ่มน้อยในพม่าพูดตรงๆ เลย เขาค้ายาเสพติด ด้วยเขาคิดว่าเขาจะเอาเงินที่ค้ายาเสพติดมากู้ชาติเขา แต่สุดท้ายยาเสพติดกินเขา 

ส้มโอ: เดี๋ยวคนมาดูกมลเขาจะคิดว่าเฮ้ยเขามาดูละครการเมืองหรือเปล่า

แน็ต: ก็จะให้มาดูว่าบ้านเมืองมันเคยดี มันเคยอยู่ยังไง (หัวเราะ) เรามีศาสนาแต่ในนาม เรามีพระเจ้าแต่ในคำพูด มันไม่มีในการปฏิบัติ มีแต่ในจินตนาการ  เรื่องนี้เรื่องใหญ่สำหรับผมอยู่ตอนนี้ แล้วเราก็ไม่สามารถที่จะไปสืบข้อมูล ไปทำอะไรได้เลย เราไปถ่ายหนัง เราก็ไปไม่ได้ เมืองมันสวยจะตาย เรายังนึกถึงวันที่นั่งอยู่ริมน้ำแล้วก็กินนู่นกินนี่ ฝนตกมาอาจารย์เขาก็มานั่งกินข้าวกันแบบชาวบ้าน ๆ ซึ่งอาจารย์คนนั้นก็เศรษฐีร้อยล้านพันล้านเขาก็มานั่ง เรายังมีความรัก เราไม่มีพรมแดน เชื้อชาติ ณ วันนั้น เราไม่มีชนชั้นในเรื่องศาสนา ทางสังคมคนที่นั่นอยู่ก็หลากหลาย Gender การนั่งอยู่ตรงนั้นถามว่าเราสัมผัสถึงอะไรบ้าง โอ้โฮ เราสัมผัสถึงไอดินตรงนี้ น้ำ ทิศลมที่พัดมา เลยจากตรงนั้นมันเป็นมหาสมุทร ก็กลายเป็นก็ไกลไปในอดีตเป็นร้อยเป็นพันปีอ่ะ การเดินทางของคนกลุ่มนี้ แล้วมันสายเลือด เชื้อสายทรงจมูก ทรงคิ้ว ตา มันผสมอยู่ในย่านนี้ มาตั้งเท่าไหร่แล้ว มันสุดยอดอ่ะ ตอนนี้มันหายเลยเพราะว่า เพราะเราปล่อยให้อาชญากรมันนำทาง

ส้มโอ: ตอนที่สร้างตัวละครจายวินขึ้นมา เราพบว่าจริง ๆ พวกเราก็คือพวกเดียวกัน เรามีเชื้อชาติเรามาจากที่เดียวกัน แต่ว่าโอเควันนี้คนนี้บอกว่าคนตรงนี้คือสยามนะ คนตัวนี้คือมะละแหม่ง จริงๆ ตรงมะละแหม่งก็มีคนมอญอยู่ก่อนนะ แล้วเขาก็โดนล่าอาณานิคม (Colonize) ก่อน มันไหลรวมกันอยู่ตรงนี้แหละ แต่ว่าด้วยบริเวณที่เราอยู่ ด้วยการปกครอง ด้วยสิ่งที่เราอยู่ ทำให้เป็นเงื่อนไขในชีวิตเรา ซึ่งอันนี้ก็จะมาเข้าสู่บทสรุปว่าตัวละครนี้มันจะถูกขมวดม้วนลงยังไง

จากความตั้งใจยิ่งใหญ่นี้ ทั้งคู่อยากให้คนดูได้อะไรตอนละครจบลง

ส้มโอ: ส้มโอคิดว่าความรักพาเรามาไกลมากค่ะ ในมุมคนทำละคร ถ้าไม่รักคงมาไม่ถึงวันนี้จริงๆ ส่วนในมุมของคนดูที่ดูละครเรื่องนี้ น่าจะได้เห็นว่าความรักก็เป็นสิ่งที่พาทุกคนในเรื่องให้เดินทางไป เลือกชอยส์ในการเดินทาง ซึ่งทำให้มีจุดจบที่ต่างกันไป ในใจลึกๆ ส้มโอก็อยากรู้เหมือนกันนะคะว่าถ้าคนดูดูละครจบแล้ว เค้าจะคิดอย่างไรกับตอนจบของเรื่องนี้ หรือว่าเค้าอยากให้ละครเรื่อง ‘กมล’ นี้จบแบบไหนนะ
แน็ต: เรารู้สึกว่าความรักก้าวข้ามหลายสิ่งหลายอย่าง ก้าวข้ามเพศสภาพ เราไม่ได้ยึดติดอยู่กับเนื้อหนังมังสา ใครสักคนที่ตกหลุมรักกันอย่างแท้จริง ความรักที่บริสุทธิ์และละเอียดอ่อนคือมันก้าวข้ามได้ทุกอย่างแล้ว ไม่ใช่แค่เขา แต่ยังมีคนอื่น ๆ ที่พยายามปกป้องสิ่งนี้  ถ้าเกิดมีคนดูเดินออกมาแล้วรู้สึกว่าช่วงเวลาชั่วโมงกว่าที่ฉันอยู่กับเรื่องนี้ ฉันได้รู้สึกเข้าใจความรักของเขา เขาได้อยู่ในแรงขับเคลื่อนนี้ ในบรรยากาศนี้ เราก็รู้สึกว่าเราประสบความสำเร็จครับ รู้สึกว่าส้มโอประสบความสำเร็จ

#มะเมียะ #ไทยเมียนมา #SEA #Politics #MaMyat #Kamoltheplay

Content by Ms.Satisfaction

Artwork by frogman

Photo by สุทธิพงษ์ ปัดไธสง

#SPECTRUM #พื้นที่ความคิดของทุกสีสัน

“กรุณาแสดงความเห็นอย่างสุภาพและสร้างสรรค์ ทีมงานสงวนสิทธิ์ในการลบหรือดำเนินการตามสมควร กับความเห็นที่สร้างความเกลียดชัง (hate speech) หรือละเมิดสิทธิของบุคคลอื่น”

a senior baby girl