เกย์ อ้วน ผู้หญิง บนเส้นทางค้นหาตัวตนทางเพศที่ซับซ้อน เจ็บปวด และโดดเดี่ยว

“เจนไม่รู้อะไรเลย” คือบทพูดที่อธิบายตัวละคร ‘น้องเจน’ ได้ดีที่สุด ตัวละครนี้รับบทโดย ‘แฟร์รี่ กิรณา’ นักแสดงหน้าใหม่ที่ก้าวเข้าสู่เส้นทางการแสดงด้วยบทที่ท้าทาย แปลกใหม่ และสำคัญที่สุดในภาพยนตร์ในภาพยนตร์เรื่อง Flat Girls ด้วยการกำกับของแคลร์ จิรัศยา เราได้เห็นเยาวชนเควียร์ที่บริสุทธิ์ สับสน และอึดอัดใจ แรงกดดันต่อตัวเจนนั้นต่างออกไปจากตัวละครอื่น ในร่างกายของเด็กผู้หญิงที่อ้วนเกินไป มีตัวตนทางเพศที่สับสนอยู่ในนั้น

#การเมืองเรื่องร่างกายของเกย์อ้วน – การค้นหาตัวตนทางเพศผ่านร่างกายและการรับรู้ของคนอื่น ๆ

เด็กที่มีรูปร่าง ‘ปกติ’ จะค้นหาเสื้อผ้าที่สอดคล้องกับเพศสภาพของเขาหรือเธอได้ง่ายกว่ามาก และเสื้อผ้าก็รับบทสำคัญในการให้เด็กรูปร่างปกติได้ค้นหาตัวเองผ่านรูปลักษณ์ในกระจก แต่กับคนอ้วน เสื้อผ้าไม่ได้หลากหลายแบบนั้น เควียร์อ้วนที่ทางเลือกเพียงเสื้อผ้าที่เฟมินีนสุด ๆ ในแบบผู้ญิ๊งผู้หญิง กับเสื้อผ้าสำหรับผู้ชายตัวใหญ่ที่โอเวอร์ไซส์หลวมโพรก และในระหว่างที่ตัวตนยังค้นหาไม่เจอ เสื้อผ้าผู้ชายตัวใหญ่ไซส์หลวมโพรกนั้นก็แทบจะปิดบังทั้งร่างกายที่น่าอับอาย และตัวตนทางเพศไปด้วย

ในแฟลต เจนเรียนรู้ว่าโลกนี้มีผู้ชายและผู้หญิง ในโรงเรียนหญิงล้วน ก็คงจะมีพี่ทอมที่ซึมซับความเป็นชายเอาไว้และเป็นผู้ชายให้เจนเห็น ไม่มีที่ทางสำหรับความสัมพันธ์ของผู้หญิงผมยาวสองคน หรือแม้แต่ผู้หญิงผมยาว 1 คนกับคนที่ยังไม่รู้จะนิยามตนว่าอะไร ในระหว่างการเดินทางท่ามกลางความสับสน เจนพกผ้ารัดหน้าอกติดตัวทุกวัน มันมีอยู่ในบ้าน แต่ก็ไม่มีอยู่ด้วยไปพร้อม ๆ กัน ผ้ารัดอกเป็นของส่วนตัวที่สุดของเจน และวันหนึ่งความจู้จี้ของแม่ก็ทำให้เจนต้องเปิดเผยความลับนี้ต่อผู้อื่น ในเส้นทางการค้นหาตัวตนทางเพศที่บริสุทธิ์และเปราะบางนั้นทำให้มีช่วงเวลาที่เจนทั้งรัดหน้าอก และเลือกจะถอดมันทิ้ง เจนเดินทางไปกลับระหว่างการข้ามเพศอยู่หลายครั้ง แต่ก็ไม่เคยมีสักครั้งที่เจนจะใส่เสื้อผ้าที่เปิดเผยร่างกาย เจนเลือกจะใส่เสื้อผ้าหลวมโคร่งแบบเด็ก ๆ เสมอ อาจเพราะเจนหลีกเลี่ยงที่จะบอกผ่านร่างกายว่าเธอเป็นอะไร

ขณะที่เจนค้นหาตัวตนทางเพศอย่างเป็นความลับและเป็นส่วนตัว เจนก็อยู่ในความสัมพันธ์กับพี่สาวคนหนึ่งไปด้วย ทั้งคู่โตมาด้วยกัน อายุห่างกันไม่ถึง 2 ปี แต่เจนก็ดูเด็กกว่าอย่างมีนัยสำคัญในความสัมพันธ์นี้ ในเมื่อพี่แอนเป็นหญิงสาวผมยาวที่สวยที่สุดในโลกไปแล้ว เจนก็เป็นอะไรไม่ได้นอกจาก Pathetic fat kid ที่อยู่เคียงข้าง ทำอะไรโรแมนติกร่วมกัน มีช่วงเวลาใกล้ชิดในพื้นที่รโหฐานด้วยกัน แต่ก็ไม่แน่ชัดว่ามันคืออะไร มันก็ดูสบายดีเมื่อไม่ต้องบอกใครว่าฉันเป็นทอม เป็นเกย์ เป็นไบเซ็กชวล หรือแม้แต่เป็นผู้หญิง ก็แค่ค้นหาต่อไป แต่โลกมันไม่ได้เป็นเช่นนั้น ความจริงใจร้ายกับเควียร์ และเวลาก็เดินต่อไปแม้เราจะอยากหยุดเอาไว้ก็ตาม

แม้เจนจะไม่นิยามตนเองอย่างแน่ชัด แต่คนภายนอกรับรู้ร่างกายของเจนและตัดสินเจนอยู่เสมอ เพื่อนตุ๊ดที่โอบรับตัวเองอย่างเต็มที่เรียกเจนว่าเป็นทอม มันก็ดูไม่เลวร้ายอะไรเมื่ออยู่ต่อหน้าพี่แอน แต่เมื่อเจนโดนล้อเลียนจากผู้ชายว่าเจนชอบพี่แอน มันก็ดูจะจริงจังขึ้นมากว่าเธอต้องกลายเป็นทอมจริง ๆ หรือเปล่า ในความไม่รู้ เจนกลัวและอับอาย เธอไม่ชอบร่างกายตัวเองที่มันอ้วน ไม่ชอบที่เป็นผู้หญิงเพราะมันมีข้อห้ามว่าทำอะไรได้หรือไม่ได้ แต่ชอบพี่เจนหรือชอบผู้ชายไหม ก็ไม่รู้ และความไม่รู้นี่เองที่เป็นพื้นที่ปลอดภัยของเจนในวันนี้

เจนใช้ประโยชน์จากความอ้วนและความเป็นเด็ก เป็นเกราะกำบังตัวตนที่เปราะบางของตัวเองไว้  ต่อให้ใจเต้นแรงก็ไม่อยากจะหาคำตอบ ต่อให้หึงหวงหรืออิจฉาจนสร้างความวุ่นวายก็จะขอดื้อดึงอยู่ตรงนี้ต่อไป เจนไม่อยากเสียอะไรไปเลย แต่จะให้ยอมรับหรือตัดสินใจตัวตนของตัวเองในวันนี้ก็ทำไม่ได้ ความเด็ก ไร้เดียงสา ทำให้เจนมองไม่เห็นความเป็นไปได้อื่นใดในความสัมพันธ์ ในความรู้สึกของเจนความเด็กคงเป็นทั้งประโยชน์และโทษไปพร้อม ๆ กัน เช่นเดียวกับที่ความเป็นเด็กเป็นบัตรผ่านให้เจนทำร้ายจิตใจใครต่อใครได้ แต่เจนจะปลอดภัยไปจนถึงเมื่อไร ไม่มีใครรู้

คนที่ไม่รักตัวเองจะรักคนอื่นได้อย่างไร* นั่นคือความอับโชคของเยาวชนเควียร์ที่เกิดและโตในพื้นที่ปิด คับแคบ ไม่เห็นคนแบบตัวเองเลยในสื่ออื่นใด แม้จะมีหัวใจรักที่ยิ่งใหญ่ แต่ก็ไม่เพียงพอเลยที่จะโอบรับและดูแลใคร เจนรู้เรื่องนี้ดี จนเธอเองก็ภาวนาขอพรให้ตัวเองกลายเป็นผู้ใหญ่ แต่ความจริงก็คือแม้แต่ผู้ใหญ่เควียร์บางคนก็ยังไม่รู้เลยว่ามันมีทางออกให้เรารักตัวเองด้วยหรือ ในโลกที่เป็นเช่นนี้

การค้นหาตัวเองเป็นภาระที่หนักหนาอยู่แล้ว แต่มันสำคัญที่เราต้องยืนยันว่า Sexuality เป็นเช่นนี้ มันอาจจะมีวันที่เราชอบเพศเดียวกัน เราไม่ชอบเพศตรงข้าม มีวันที่แรงดึงดูดใจไม่สอดคล้องกับการแสดงออกทางเพศ (Gender Expression) แต่มันไม่เคยเป็นรอยแผล ก้าวผิด หรือเดินถอยหลัง มันเป็นประสบการณ์ชีวิต และเรามีคำว่าเควียร์ก็เพื่อโอบรับเส้นทางของตัวตนทางเพศที่อิสระเช่นนี้

*ข้อความนี้แปลมาจากประโยค “If you don’t love yourself, how in the hell you gonna love somebody else?” ที่กล่าวโดย RuPaul

#FlatGirls#ชั้นห่างระหว่างเรา#ThaiGL#QueerMovie#Review

Content by Ms.Satisfaction

#SPECTRUM#พื้นที่ความคิดของทุกสีสัน

“กรุณาแสดงความเห็นอย่างสุภาพและสร้างสรรค์ ทีมงานสงวนสิทธิ์ในการลบหรือดำเนินการตามสมควร กับความเห็นที่สร้างความเกลียดชัง (hate speech) หรือละเมิดสิทธิของบุคคลอื่น”