Spectrum

‘ส้วมหน้าบ้าน’ ไม่ใช่ลูกสาวแต่คือการเหยียดเพศ บทบันทึกถึงชีวิตและสภาพจิตใจของลูกสาวหลังวันตรุษจีน

3 นาที

6

Share to

กุมภาพันธ์ 1, 2025

3 นาที

6

กุมภาพันธ์ 1, 2025

Share to

“ตรุษจีนของลูกสาว หลานสาว และลูกสะใภ้ แทบไม่ต่างอะไรจากละครเรื่องนางทาส”

ซินเจียยู่อี่ ซินนี้ฮวดไช้ สวัสดีปีใหม่จีนย้อนหลังนะคะ

ผ่านไปแล้ว 3-4 วัน หลังจากเทศกาลแห่งต้นปีที่เต้าเหล่าใครที่มีเชื้อสายจีนเช่นดังผู้เขียน รู้กันดีว่า ‘เทศกาลตรุษจีน’ หรือวันปีใหม่ตามแบบฉบับของปฏิทินจีนนั้นคือวาระสำคัญอันเฉลิมฉลองเข้าสู่ปีใหม่ของชาวจีนทั่วโลกที่สืบทอดกันมาอย่างยาวนานกว่า 4 พันปีมาแล้ว

ถึงแม้ว่ากิจกรรมตลอด 3 วันอย่าง วันจ่าย วันไหว้ และวันเที่ยวจะมีความแตกต่างกันในเชิงรายละเอียด แต่เชื่อเหลือเกินว่าใครหลายคนอาจมีประสบการณ์ที่ใกล้เคียงกัน เหล่านั้นคือการได้กลับไปพบปะกับผู้คนในครอบครัวขยาย ช่วงเวลาแห่งการกลับบ้าน ที่สำหรับใครหลายคนอาจไม่รู้สึกว่าเป็นบ้าน นั้นยากลำบากเสมอ ด้วยเพราะ ‘ครอบครัวขยาย’ ย่อมทำให้เราเจอผู้คนมากมาย หลายคนก็อาจไม่ได้เป็นญาติสนิทหรือเป็นมิตรต่อกันขนาดนั้น และบันทึกจากลูกสาวคนนี้ฉบับนี้ ก็เพิ่งจะได้เรียบเรียงหลังจบกิจกรรมทั้ง 3 วัน และได้นั่งย้อนคิดทบทวนถึงสิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่าในวันปีใหม่จีนแต่ละปี

สิ่งที่ผู้เขียนในฐานะ ‘ลูกสาว’ ประสบพบเจอพร้อมกันกับเหล่าเจ้ ๆ อาอี๊ และอากิ๋มอีกหลายคน จนอาจเรียกได้ว่าเป็นประสบการณ์ร่วมของผู้หญิงเรา คือหญิงสาวที่ต้องไปซื้อของตั้งแต่วันจ่ายเพื่อเตรียมไหว้ พอถึงวันไหว้ก็ต้องตื่นมาใช้ชีวิตตั้งแต่ตีสี่มาเตรียมของให้กับผู้ชายและลูกหลาน จบงานก็ยังต้องล้างจานไม่รู้กี่สิบใบ บางคนอาจได้กินข้าวมื้อแรกหลังไหว้ฮอเฮียตี๋ผีไร้ญาติตอนช่วงบ่ายเสียด้วยซ้ำ

และถึงแม้ว่าวันสุดท้ายจะเป็น ‘วันเที่ยว’ ที่ตามธรรมเนียมแล้วจะถือว่าเป็นวันพักผ่อน ห้ามทำงานบ้านและห้ามทำงาน แต่สุดท้ายแล้วนั้นหากถามว่าแล้ว ‘ใคร’ ที่เป็นคนดูแลหาอาหารและทำงานบ้านให้กับทุกคนในบ้าน คำตอบก็ไม่พ้นกับเหล่าผู้หญิงในบ้านอยู่ดี

สุภาษิตจีนว่าไว้ ‘มีลูกสาวเหมือนมีส้วมหน้าบ้าน’ สิ่งนี้คล้ายกับผูกลูกสาวไว้กับห้องน้ำจนน่าแปลกใจว่า หากดูจากภาระของลูกสาวในวันนี้ ลูกสาวต้องอยู่ทั้งที่ตลาด ที่บ้าน และในครัว ภาพเหล่านี้ฉายซ้ำไปซ้ำมาจนเกือบจะกลายเป็นภาพแทนของเหล่าเพศกำเนิดหญิงในทุกๆ เทศกาลตรุษจีน จนเราได้แต่สงสัยว่าเพราะเหตุใดลูกสาวจึงกลายเป็นมาเป็นผู้รองรับให้กับเหล่าบุรุษเพศชายในวัฒนธรรมจีน 

#SpectrumofHuman: ‘ส้วมหน้าบ้าน’ ไม่ใช่ลูกสาว แต่คือการเหยียดเพศ บทบันทึกถึงชีวิตและสภาพจิตใจของลูกสาวหลังวันตรุษจีน

“มีฟ้าดินแล้วจึงมีสรรพสิ่ง

มีสรรพสิ่งแล้วจึงมีชายหญิง

มีชายหญิงแล้วจึงมีสามีภรรยา

มีสามีภรรยาแล้วจึงมีบิดาบุตร

มีบิดาบุตรแล้วจึงมีกษัตริย์ขุนนาง

มีกษัตริย์ขุนนางแล้วจึงมีบนล่าง

มีบนล่างแล้วจึงมีการจัดการตามจารีต”

‘ลำดับขั้น’ ของอำนาจในสังคมจีนยุคราชวงศ์ซางและราชวงศ์โจว สามีจะมีอำนาจเหนือภรรยา บิดามีอำนาจเหนือมารดา เพราะมี ‘ระบบปิตาธิปไตย’ ที่เป็นใหญ่ในครอบครัว ทั้งหมดส่งต่อมาถึง ‘ระบบจริยธรรม’ และ ‘กฎหมายในยุคศักดินา’ ที่สนับสนุนระบบชายเป็นใหญ่ ให้ผู้ชายเป็นผู้นำสูงสุดในทุกการปกครอง ทั้งประเทศ ส่วนภูมิภาค หรือกระทั่งหน่วยย่อยที่เล็กที่สุดอย่างครอบครัว สิ่งนี้ยิ่งสนับสนุนให้ระบบตระกูลแซ่นั้นหยั่งรากฝังลึกในสังคมอย่างมั่นคง

ดังนั้น “ยกย่องชาย เหยียดหยามหญิง” จึงกลายมาเป็นทัศนคติหลักในสังคมจีนมาอย่างยาวนาน

ผู้หญิงจะสมบูรณ์ก็ต่อเมื่อเปลี่ยนจาก ‘ลูกสาว’ มาเป็น ‘เมีย’ หรือ ‘แม่’ ก็เท่านั้น ด้วยการมองแบบซ้าย-ขวา ขาว-ดำ และจัดลำดับขั้นที่ทำให้ผู้หญิงอยู่ต่ำสุดในห่วงโซ่ เหล่านี้กระทบต่อผู้หญิงแบบเลี่ยงไม่ได้ แนวคิดดังกล่าวที่ส่งผลมายังค่านิยมและแบบแผนปฏิบัติต่อผู้หญิงในวัฒนธรรมจีนนั้นคือวัฒนธรรมที่ได้รับอิทธิพลมาจาก ‘ขงจื่อ’ ด้วยเพราะบริบททางการเมืองและสังคมในขณะนั้นที่บ้านเมืองกำลังระส่ำระส่าย การรวมกันเป็นหนึ่งเดียวโดยมีผู้บังคับบัญชาที่เข้มแข็งจึงเป็นแนวคิดสำคัญที่ขงจื่อเลือกใช้ในตอนนั้น และแน่นอนว่าคือจุดเริ่มต้นของการเลือกปฏิบัติด้วยเหตุแห่งเพศ อันมีผลมาจากการเหยียดเพศ

หากแต่ในบริบทปัจจุบันโลกก้าวไปข้างหน้าทุกวัน การแบ่งโลกออกเป็น 2 แบบขั้วตรงข้ามนั้นอาจจะล้าสมัยไปหน่อย ดังนั้นเราจะก้าวข้ามคำสอนในแบบชายผู้รู้ดีไปเสียทุกเรื่องได้อย่างไร นั่นคือก้าวต่อไปที่เราอาจควรต้องเรียนรู้และทำความเข้าใจระหว่างกันให้มากขึ้น

#ส้วมหน้าบ้านไม่ใช่ลูกสาวแต่คือการเหยียดเพศ “มีลูกสาวเหมือนมีส้วมอยู่หน้าบ้าน” เราเชื่อว่าประโยคนี้คงเป็นประโยคเปรียบเปรยที่หลายใครคนเคยได้ยิน ผู้เขียนเองก็เป็นอีกคนหนึ่งที่เคยได้ยินและสงสัยว่าเพราะอะไรจึงเปรียบเปรยเช่นนี้ ว่ากันว่า เพราะเป็นการเปรียบเปรยให้เหล่าธิดารู้ตัวและรำพึงกับตนเองว่าจะต้องเป็นผู้หญิงที่ประพฤติดีและปฏิบัติชอบตามแบบฉบับที่สังคมว่าเอาไว้ เพราะหากลูกสาวบ้านไหนมีความประพฤติไม่ดีงามก็อาจทำให้ครอบครัวเป็นที่อับอายขายหน้าได้

แต่หากเราลองสำรวจให้ดีนั้น สิ่งต่างๆ เหล่านี้เป็นการเหยียดเพศในเชิงความคิดใช่หรือไม่? ตำรับตำราหลายอย่าง ขนบธรรมเนียมหลายแขนงที่บอกกับเราว่า ‘ผู้หญิงที่ดี’ ต้องปฏิบัติตัวแบบใด ซึ่งส่วนใหญ่ก็เป็นคำบอกกล่าวให้เหล่าผู้หญิงถูกลิดรอนซึ่งการใช้ชีวิตอย่างเต็มศักยภาพของตัวเอง เพราะแท้ที่จริงแล้วเราทุกคนเองก็เป็นมนุษน์เช่นเดียวกัน มีสิทธิ มีเสียง และควรได้เป็นตัวเองและใช้ชีวิตในแบบที่อยากใช้ หาใช่ทำตามคำสอนที่เหยียดเพศของใคร

ซึ่งเมื่อมองย้อนกลับไปยังวันตรุษจีนที่ถือเป็นเทศกาลรวมญาติของทุกคน แต่หญิงสาวทั้งหมดต้องมารับจบทุกงานบ้านราวกับเป็นนางทาส ท่ามกลางความอลหม่านตลอดทั้งวันนั้น หากชวนย้อนคิดกันอีกสักครั้งว่า ลูกสาว หลานสาว หรือญาติผู้หญิงทุกคนก็เป็นคนเช่นเดียวกัน และเพศนั้นไม่ใช่ตัวกำหนดว่าเธอจะมีคุณค่าอย่างไรและเป็นไปตามแบบแผนที่วางเอาไว้หรือไม่ หรือกระทั่งงานบ้านก็ไม่ควรเป็นแค่งานของเพศไหน แต่หากเราเรียกว่าตรุษจีนคือเทศกาลครอบครัวรวมญาติที่ไม่ได้พบเจอกันมานาน การช่วยกันคนละไม้คนละมืออาจเป็นอะไรที่ดีกว่า และไม่แน่ว่าบรรพบุรุษที่มองมาจากฟากฟ้าอาจภูมิใจกว่าที่เป็นอยู่

#วันตรุษจีน #ลูกสาวคนจีน #ปิตาธิปไตย #ขงจื่อ

Content by Rosalyn J.

Graphic by tonfernjiew

อ้างอิง

หนังสือ ‘ชื่อแซ่และระบบตระกูลแซ่: อัตลักษณ์สำคัญเบื้องต้นของคนจีน’

#SPECTRUM #พื้นที่ความคิดของทุกสีสัน

“กรุณาแสดงความเห็นอย่างสุภาพและสร้างสรรค์ ทีมงานสงวนสิทธิ์ในการลบหรือดำเนินการตามสมควร กับความเห็นที่สร้างความเกลียดชัง (hate speech) หรือละเมิดสิทธิของบุคคลอื่น”

a senior baby girl