ต้องขออภัยไว้ตั้งแต่บรรทัดนี้ ว่าการที่ใคร ๆ จะมาป่าวประกาศว่า หนังไทยตั้งแต่ปี พ.ศ. 2517 เรื่อง ‘คนกินเมีย’ ของผู้กำกับ ดอกดิน กัญญามาลย์ มีเนื้อหาที่ว่าด้วยตัวละคร LGBTQ+ สามารถจัดให้อยู่ในกลุ่ม ‘หนังเควียร์ไทย’ ได้ มันจะเป็นการแอบ ‘เฉลยเรื่อง’ อยู่กลาย ๆ ว่าปริศนาเบื้องหลังตัวละครเกี่ยวพันกับเรื่องใด แต่ที่อยากจะแนะนำให้คนดูยุคปัจจุบันได้รู้จักหรือได้ติดตามชมภาพยนตร์เรื่องนี้ไว้ ก็เพราะมันเป็นหนังที่เล่าถึงตัวละครเพศทางเลือกเป็นตัวละครหลักสำคัญเรื่องแรก ๆ ของไทย แถมยังมีพฤติกรรมที่เรียกได้ว่า ‘แปลกล้ำ’ สามารถทำเอาคนดูในยุคปัจจุบันตกใจ เช่น การสลับบทบาทให้ผู้ชายเป็น ‘เมีย’ ผู้หญิงเป็น ‘ผัว’ หรือการมั่วสวาทกันในหมู่เครือญาติ ซึ่งถึงแม้ว่าน้ำเสียงของหนังจะยังมีท่าทีเชิงบริภาษ แต่มันก็สามารถบ่งบอกได้ว่าเรื่องราวความเสน่หาระหว่างมนุษย์ที่หลุดพ้นไปจากความสัมพันธ์ระหว่างชายหญิงแบบทั่วไป มีให้เห็นกันในสังคมมาตั้งแต่ยุคสมัยนั้น แม้ว่ามันจะต้องถูกปกปิดไว้ในฐานะของการกระทำที่ได้ชื่อว่า ‘วิตถาร’
ภาพยนตร์เรื่อง ‘คนกินเมีย’ จริง ๆ แล้ว เป็นงานแนวตลกชวนหัวตามความถนัดของผู้กำกับ คุณดอกดิน กัญญามาลย์ ผู้มุ่งสร้างมหรสพเพื่อความสนุกสำราญของผู้ชมอยู่เสมอ (เขาร่วมแสดงในบทสมทบในหนังเพื่อเรียกเสียงฮาจากผู้ชมด้วย) เนื้อหาเรื่องราวเสนอภาพความซวยในชีวิตของ ‘เอกวรา’ (สมบัติ เมทะนี) ทายาทเศรษฐีตระกูลดังผู้หล่อรวย แต่ไม่รู้ว่าด้วยพรหมลิขิต หรือเหตุวิปริตอาเพศอันใด สตรีนางใดที่เข้าพิธีวิวาห์ได้ชื่อว่าเป็น ‘ภรรยา’ ของ ‘เอกวรา’ จะต้องมีอันชะตาขาด เสียชีวิตด้วยโรคประหลาดภายในเวลาไม่ถึงหนึ่งเดือน! การล้มตายซ้ำแล้วซ้ำเล่าของสตรีที่ออกเหย้าออกเรือนกับ ‘เอกวรา’ เหมือนจะเป็นคำเตือนให้หญิงสาวทั้งหลายต้องระแวดระวังพลังอาถรรพ์ สร้างความตึงเครียดกดดันให้ ‘เอกวรา’ ผู้ไม่สามารถหาภรรยาคนใหม่ กระทั่งได้มาเจอกับ ‘เปรี้ยว’ (วันดี ศรีตรัง) หญิงสาวที่จะทำให้เขาเกิดความหวังแห่งหัวใจครั้งใหม่ แต่ในเมื่อ ‘อดีต’ ของ ‘เอกวรา’ มีแต่ปริศนาอันชวนเสียวไส้ มารดาของ ‘เปรี้ยว’ จึงขอใช้วิธีแก้เคล็ดด้วยการให้ทั้งคู่อยู่กินกัน โดยไม่ต้องหมั้นไม่ต้องแต่ง ดูซิว่าอาถรรพ์นั้นจะสำแดงอีกครั้งไหม หากจะไม่ได้มีการรดน้ำสังข์!
หนังนำเสนอในรูปแบบความบันเทิงหลากหลายรส มีทั้งบทคู่พระคู่นางระหว่าง ‘เอกวรา’ กับอดีตภรรยานานาชาติ ประกาศการแต่งงานกันด้วยพิธีทั้ง ฝรั่ง แขก จีน ไทย แทรกไว้ด้วยมุกตลกขำขันให้ได้หัวเราะกันอย่างไม่ขาดสาย เหตุการณ์ลึกลับจากคำสาปอาถรรพ์อันชวนให้งมงาย ภาพงานศพและความตายอันชวนสยดสยอง ฉากร้องรำทำเพลงด้วยท่วงทำนอง และสีสันทางการแสดงของยุคสมัย 1970s
ในส่วนของพฤติกรรมของตัวละคร LGBTQ+ แม้บทจะซัดทอดให้เป็นผลจากจิตใจอันวิปริตวิตถาร แต่สถานการณ์ก็ยังคงปกป้องตัวละครรายนี้อยู่ในที โดยโยนความผิดทั้งหมดไปที่การขาดความ ‘ยับยั้งชั่งใจ’ ไม่สำคัญว่าแต่ละคนจะรักชอบเพศไหน หรือสังคมจะยอมรับหรือไม่ แต่เรื่องความสัมพันธ์ทางกาม มันจำเป็นจะต้องเป็นความยินยอมของทั้งสองฝ่าย จะมาบังคับขืนใจอะไรกันไม่ได้ ความวิบัติฉิบหายที่ตัวละคร LGBTQ+ ได้พบเจอในภาพยนตร์เรื่องนี้ จึงดูจะมีที่มาจาก ‘ความผิด’ ในการกระทำเลยเถิดลวนลาม มากกว่าจะมาจากรสนิยมความชอบพอภายใน!
คอหนังรุ่นใหม่ ที่สนใจพิสูจน์ความแปลกพิสดารอันล้ำยุคล้ำสมัยของ ‘คนกินเมีย’ หอภาพยนตร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน) จะนำหนังฉบับสมบูรณ์มาฉายใหม่อีกครั้ง ในวันพฤหัสบดีที่ 31 ตุลาคม 2567 เวลา 13.00 น. ณ โรงภาพยนตร์ศาลาศีนิมา โดยสามารถเข้าชมได้ฟรี
ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.fapot.or.th/main/cinema/view/2918
Content by Kalapapruek
Graphic by tonfernjiew
#SPECTRUM #พื้นที่ความคิดของทุกสีสัน
“กรุณาแสดงความเห็นอย่างสุภาพและสร้างสรรค์ ทีมงานสงวนสิทธิ์ในการลบหรือดำเนินการตามสมควร กับความเห็นที่สร้างความเกลียดชัง (hate speech) หรือละเมิดสิทธิของบุคคลอื่น”
