Spectrum

PRIVACY

นโยบายการแจ้งเบาะแสการกระทำผิด (Whistle Blowing Policy)

บริษัท ตาชำนิ จำกัด มีแนวทางในการดำเนินธุรกิจอย่างมีคุณธรรม ยึดมั่นในความรับผิดชอบต่อสังคม บริษัทฯได้จัดทำนโยบายการแจ้งเบาะแส (Whistle Blowing Policy) ขึ้น เพื่อเป็นช่องทางให้กรรมการ ผู้บริหาร พนักงาน ลูกค้า บุคคลภายนอก สามารถร้องเรียนหรือแจ้งเบาะแสในกรณีที่เกิดการทุจริต การกระทำที่ผิด
กฏหมาย ผิดกฏข้อบังคับ ผิดไปจากนโยบายของบริษัทฯ และผิดต่อจรรยาบรรณและจริยธรรมในการดำเนินธุรกิจ เพื่อช่วยกันปรับปรุงแก้ไขหรือดำเนินการให้เกิด
ความถูกต้อง เหมาะสม โปร่งใส และยุติธรรมต่อไป ทั้งนี้ข้อมูลของผู้แจ้งเบาะแสและเรื่องที่แจ้ง จะถูกเก็บเป็นความลับ เพื่อป้องกันกรณีถูกละเมิดสิทธิ แนวทาง
การปฏิบัติ

• พนักงาน ลูกค้า หรือบุคคลภายนอก สามารถร้องเรียนและแจ้งเบาะแสการกระทำผิด สามารถยื่นเรื่องแจ้ง พร้อมแนบข้อมูลที่น่าเชื่อถือโดยระบุรายละเอียดจะ
ต้องเขียนเป็นลายลักษณ์อักษร เพื่อให้สามารถดำเนินการสอบสวน โดยจะแสดงตัวตนหรือไม่แสดงตัวตนก็ได้ และส่งไปยังประธานกรรมการการตรวจสอบ
ได้ ช่องทางดังต่อไป นี้

1. ช่องทางไปรษณีย์ หรือ กล่องแสดงความคิดเห็นของบริษัทฯ
ผู้จัดการแผนก สำนักงานของประธานเจ้าหน้าที่บริหาร
ที่อยู่ : 311 ถนน เสรี 6 แขวงสวนหลวง เขตสวนหลวง กทม 10250


2. บริษัทฯจะดำเนินการอย่างยุติธรรมต่อผู้แจ้งเบาะแส หากเป็นพนักงานบริษัทฯ จะไม่มีการปรับเปลี่ยนตำแหน่งหน้าที่ความรับผิดชอบ สถานที่ทำงาน พักงาน ข่มขู่ คุกคาม เลิกจ้าง หรือกระทำการอื่นใดที่เป็นการไม่ยุติธรรมต่อผู้แจ้งเบาะแส และหากเป็นลูกค้าหรือบุคคลภายนอก บริษัทฯ จะพิจารณาและสอบสวนด้วย
ความโปร่งใส โดยปฏิบัติต่อผู้มีส่วนได้เสียทุกฝ่ายอย่างเท่าเทียมและเสมอภาคเพื่อแจ้งให้ผู้แจ้งเบาะแสไว้วางใจและเชื่อมั่นในกระบวนการตรวจสอบที่เป็นธรรม


3. ผู้แจ้งเบาะแสที่ไม่ได้มีเจตนาสุจริตในการรายงาน และ / หรือต่อมาพิสูจน์ได้ว่าเป็นการกระทำที่ตั้งใจให้เกิดความเสียหาย หรือรายงานไม่ถูกต้อง หากเป็นพนักงาน
จะต้องได้รับโทษทางวินัยตามข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานของบริษัทฯ หากเป็นลูกค้าหรือบุคคลภายนอก ซึ่งทำให้บริษัทฯได้รับความเสียหายบริษัทฯ จะพิจาราณา
ดำเนินคดีตามกฏหมาย

4. บริษัทฯ จะเก็บรักษาข้อมูลที่เกี่ยวกับรายงานไว้เป็นความลับ เช่น ชื่อผู้แจ้งเบาะแส หรือเนื้อหาสาระของเรื่องที่รายงาน ยกเว้นแต่มีการขอข้อมูลเพิ่มเติม หรือมีการ
ร้องขอตามกฏหมาย บริษัทฯจะแจ้งให้ผู้แจ้งเบาะแสทราบก่อนที่จะเปิดเผยข้อมูล

5. ผู้รับแจ้งเบาะแสจะพิจารณาเรื่องที่แจ้งว่าจำเป็นที่จะต้องสอบสวนหรือไม่ โดยคำนึงถึงหลักความยุติธรรมเที่ยงธรรม และสุจริต และหากมีการสอบสวนจะแจ้ง
ให้ผู้แจ้งทราบ หากผู้แจ้งเบาะแสไม่แสดงตัวตนผู้รับแจ้งเบาะแสจะไม่สามารถแจ้งการสอบสวนกลับไปยังผู้แจ้งเบาะแสได้

6. ในกรณีที่จำเป็นต้องมีการสอบสวนหาข้อเท็จจริง ผู้รับแจ้งเบาะแสจะได้รายงานเบาะแสดังกล่าวต่อคณะกรรมการตรวจสอบ เพื่อทำการพิจารณาต่อไป โดยคณะกรรมการตรวจสอบ อาจแต่งตั้งคณะทำงานสอบสวนในกรณีที่เห็นว่ามีความจำเป็น ทั้งนี้ ผู้ถูกกล่าวหาต้องไม่อยู่ในคณะทำงานสอบสวนดังกล่าว ในกรณีที่ผู้ถูกกล่าวหาเป็นหนึ่งในคณะกรรมการตรวจสอบ ผู้รับแจ้งเบาะแสจะรายงานต่อประธานเจ้าหน้าที่บริหารแทน

7. คณะทำงานจะแจ้งผลการสอบสวนให้กับผู้แจ้งเบาะแสทราบ หากเป็นการแจ้งแบบไม่แสดงตัวตนจะทำให้ไม่สามารถแจ้งผลการสอบสวนไปยังผู้แจ้งเบาะแสได้

8. ในกรณีที่ ผลการสอบสวนได้รับการยืนยันว่าเป็นความจริง บริษัทฯ จะกำหนดมาตรการเพื่อป้องกันและแก้ไขให้ทันท่วงที และหากจำเป็น บริษัทฯ จะดำเนินการ
ลงโทษกับบุคคลที่เกี่ยวข้องหรือดำเนินการรายงานให้หน่วยงานทางการที่เกี่ยวข้องรับทราบ

9. ข้อมูลทั้งหมดที่ได้รับจากผู้แจ้งเบาะแส และหลักฐานอื่น/สิ่งที่ตรวจพบ/ผลการสอบสวน จะเก็บไว้เป็นเอกสารความลับที่เลขานุการบริษัทฯ มาตรการคุ้มครอง
ผู้ร้องเรียน หรือผู้แจ้งเบาะแสการกระทำผิด พนักงาน ลูกค้า หรือบุคคลภายนอกที่แจ้งเรื่องร้องเรียน แจ้งเบาะแส โดยความสุจริตใจ จะได้รับการ คุ้มครอง
ที่เหมาะสมดังนี้

• บริษัทฯจะเก็บข้อมูลและตัวตนของผู้ที่ร้องเรียน ผู้แจ้งเบาะแส และผู้ที่ถูกร้องเรียน เป็นความลับ
• หากกรณีที่บริษัทฯ มีความจำเป็นต้องเปิดเผยข้อมูล บริษัทฯจะเปิดเผยข้อมูลเฉพาะข้อมูลที่จำเป็นเท่านั้น โดยคำนึงถึงความปลอดภัย และความเสียหายของ
ผู้ร้องเรียน และผู้แจ้งเบาะแส

จรรยาบรรณและจริยธรรมในการดำเนินธุรกิจ (Code of Conduct and Code of Ethics)

Click here for download

นโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล เงื่อนไข และนโยบายข้อมูลส่วนบุคคล (PDPA)

นโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลบริษัท ตาชำนิ จำกัด (มหาชน)

บริษัท ตาชำนิ จำกัด (มหาชน) พนักงานจำเป็นต้องทำความเข้าใจนโยบายส่วนบุคคล (Privacy Policy) นี้ เนื่องจากนโยบายนี้อธิบายถึงวิธีการที่บริษัทปฏิบัติ
ต่อข้อมูลส่วนบุคคล เช่น การเก็บรวบรวม การเก็บรักษา การใช้ การเปิดเผยรวมถึงสิทธิต่างๆ เป็นต้น เพื่อให้ได้รับทราบถึงนโยบายในการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
ของบริษัท บริษัทจึงประกาศนโยบายส่วนบุคคลดังต่อไปนี้

1 ข้อมูลส่วนบุคคล
“ข้อมูลส่วนบุคคล” หมายถึง ข้อมูลที่สามารถระบุตัวตน หรืออาจจะระบุตัวตนได้ ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม

2 การเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลอย่างจำกัด
การจัดเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลจะกระทำโดยมีวัตถุประสงค์ ขอบเขต และใช้วิธีการที่ชอบด้วยกฎหมายและเป็นธรรมในการเก็บรวบรวมและจัดเก็บข้อมูล ตลอดจนเก็บรวบรวมและจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคลอย่างจำกัด เพียงเท่าที่จำเป็นแก่การให้บริการ ภายใต้วัตถุประสงค์ของบริษัทเท่านั้น ทั้งนี้ บริษัทจะดำเนินการให้
เจ้าของข้อมูลรับรู้ ให้ความยินยอมทางอิเล็กทรอนิกส์ ข้อความสั้น (Short Messege Service) หรือตามแบบวิธีของบริษัท บริษัทอาจจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคลซึ่งเกี่ยวกับ
การบริการที่ใช้ ซึ่งอาจประกอบด้วย ชื่อ-นามสกุล เบอร์โทรศัพท์ บัตรประจำตัวประชาชน อีเมล หรือข้อมูลอื่นใดที่จะเป็นประโยชน์ในการให้บริการ ทั้งนี้ การดำเนินการ
ดังกล่าวข้างต้น บริษัทจะขอความยินยอมก่อนทำการเก็บรวบรวม เว้นแต่

2.1 เป็นการปฏิบัติตามกฎหมาย เช่น พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พระราชบัญญัติว่าด้วยธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ พระราชบัญญัติป้องกันและ
ปราบปรามการฟอกเงิน ประมาลกฎหมายแพ่งและอาญา ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งและอาญา เป็นต้น

2.2 เป็นไปเพื่อประโยชน์แก่การสอบสวนของพนักงานสอบสวน หรือการพิจารณาพิพากษาคดีของศาล

2.3 เพื่อเป็นประโยชน์และขอความยินยอมไม่อาจกระทำได้ในเวลานั้น

2.4 เป็นการจำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฏหมายของบริษัท หรือของบุคคลหรือนิติบุคคลอื่นที่ไม่ใช่บริษัท

2.5 เป็นการจำเป็นเพื่อป้องกันหรือระงับอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย หรือสุขภาพของบุคคล

2.6 เป็นการจำเป็นเพื่อการปฏิบัติตามสัญญาซึ่งเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลเป็นคู่สัญญาหรือเพื่อใช้ในการดำเนินการตามคำขอของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเข้าทำ
สัญญานั้น

2.7 เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ที่เกี่ยวกับการจัดทำเอกสารประวัติศาสตร์หรือจดหมายเหตุ เพื่อประโยชน์สาธารณะ หรือเพื่อการศึกษา วิจัย การจัดทำสถิติ ซึ่งได้จัด
ให้มีมาตรการป้องกันที่เหมาะสม

3 มาตรการรักษาความมั่นคงปลอดภัยและคุณภาพของข้อมูล

3.1 บริษัทตระหนักถึงความสำคัญของการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคล บริษัทจึงกำหนดให้มีมาตรการในการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของ
ข้อมูลส่วนบุคคลอย่างเหมาะสมและสอดคล้องกับการรักษาความลับของข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อป้องกันการสูญหาย การเข้าถึง ทำลาย ใช้ แปลง แก้ไขหรือเปิดเผย
ข้อมูลส่วนบุคคล โดยไม่มีสิทธิ หรือโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ตลอดจนการป้องกันมิให้มีการนำข้อมูลส่วนบุคคลไปใช้โดยมิได้รับอนุญาต ทั้งนี้ เป็นไปตามที่กำหนด
ในนโยบายการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ของบริษัท

3.2 จัดให้มีระบบการตรวจสอบเพื่อดำเนินการลบหรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคลเมื่อพ้นกำหนดระยะเวลาการเก็บรักษาตามระเบียบบริษัท หรือที่ไม่เกี่ยวข้องหรือเกิน
ความจำเป็นตามวัตถุประสงค์ในการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลนั้น หรือตามที่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลร้องขอ หรือที่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลได้ถอนความยินยอม

3.3 ข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทได้รับมา เช่น ชื่อ อายุ ที่อยู่ หมายเลขโทรศัพท์ หมายเลขบัตรประชาชน อีเมล ข้อมูลทางการเงิน เชื้อชาติ ศาสนา ปรัชญา ข้อมูลสุขภาพ เป็นต้น ซึ่งสามารถบ่งบอกตัวบุคคลได้ และเป็นข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความถูกต้องและเป็นปัจจุบัน จะถูกนำไปใช้ให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์การดำเนินงานของบริษัท
เท่านั้น และบริษัทจะดำเนินมาตรการที่เหมาะสมเพื่อคุ้มครองสิทธิของเจ้าของข้อมูล

4 วัตถุประสงค์ในการรวบรวมจัดเก็บใช้ข้อมูลส่วนบุคคล

บริษัทรวบรวม จัดเก็บ ใช้ ข้อมูลส่วนบุคคล เพื่อประโยชน์ในการให้บริการ เช่น การสมัครใช้งาน Internet WIFI ตามรูปแบบการให้บริการ หรือบริการอื่นใด เพื่อวัตถุประสงค์อื่นใดที่ไม่ต้องห้ามตามกฎหมาย และ/หรือเพื่อปฏิบัติตามกฎหมายหรือกฎระเบียบที่ใช้บังคับกับบริษัท ทั้งขณะนี้และภายภาคหน้า หรือเท่าที่จำเป็น
สำหรับวัตถุประสงค์เหล่านั้นเท่านั้น หรือตามที่กฎหมายกำหนด หากภายหลังมีการเปลี่ยนแปลงวัตถุประสงค์ในการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล บริษัทจะประกาศ
ให้ทราบ

5 ข้อจำกัดในการใช้การ และ/หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล

5.1 บริษัทจะใช้ เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลได้ตามความยินยอม โดยจะต้องเป็นการใช้ตามวัตถุประสงค์ของการเก็บรวบรวมจัดเก็บข้อมูลของบริษัทเท่านั้น บริษัทจะ
กำกับดูแลพนักงาน เจ้าหน้าที่ ตัวแทน หรือผู้ปฏิบัติงานของบริษัทมิให้ใช้ และ/หรือไม่เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลนอกเหนือไปจากวัตถุประสงค์ของการเก็บรวบรวม
ข้อมูลส่วนบุคคล หรือเปิดเผยต่อบุคคลภายนอก เว้นแต่

5.2 เป็นการปฎิบัติตามกฎหมาย เช่น พระราชบัญญติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พระราชบัญญัติว่าด้วยธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ พระราชบัญญัติป้องกันและ
ปราบปรามการฟอกเงิน ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งและอาญา เป็นต้น

5.3 เป็นไปเพื่อประโยชน์แก่การสอบสวนของพนักงานสอบสวน หรือการพิจารณาพิพากษาคดีของศาล

5.4 เพื่อประโยชน์และการขอความยินยอมไม่อาจกระทำได้ในเวลานั้น

5.5 เป็นการจำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายของบริษัท หรือของบุคคลหรือนิติบุคคลอื่นที่ไม่ใช่บริษัท

5.6 เป็นการจำเป็นเพื่อป้องกันหรือระงับอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย หรือสุขภาพของบุคคล

5.7 เป็นการจำเป็นเพื่อการปฏิบัติตามสัญญาซึ่งเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลเป็นคู่สัญญาหรือเพื่อใช้ในการดำเนินการคำขอของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเข้าทำ
สัญญานั้น

5.8 เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ที่เกี่ยวกับการจัดทำเอกสารประวัติศาสตร์หรือจดหมายเหตุ เพื่อประโยชน์สาธารณะ หรือเพื่อการศึกษา วิจัย การจัดทำสถิติ ซึ่งได้จัดให้มีมาตรการป้องกันที่เหมาะสม

5.9 บริษัทอาจใช้บริการสารสนเทศของผู้ให้บริการซึ่งเป็นบุคคลภายนอกเพื่อให้ดำเนินการรักษาข้อมูลส่วนบุคคล ซึ่งผู้ให้บริการนั้นจะต้องมีมาตรการรักษาความมั่น
คงปลอดภัย โดยห้ามดำเนินการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลนอกเหนือจากบริษัทกำหนด

6 สิทธิเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคล

6.1 การเข้าถึง ขอรับ สำเนาข้อมูลส่วนบุคคล เช่น สำเนาสัญญาต่างๆ (COF) สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน สำเนาบัตรเครดิต – เดบิต (หน้า-หลัง) สำเนาหน้าบัญชี
เงินฝากธนาคาร เลขที่บัญชีเงินฝาก สำเนาใบสาธารณูปโภค สำเนาใบแจ้งหนี้ สำเนาใบเสร็จรับเงินชั่วคราว บันทึกรายละเอียดการโทร (Call Detail Record) ตามหลักเกณ์และวิธีการที่บริษัทกำหนด ณ สำนักงานใหญ่ หรือขอให้เปิดเผยการได้มาซึ่งข้อมูลส่วนบุคคล ทั้งนี้ บริษัทอาจปฏิเสธคำขอได้ตามที่กฎหมายกำหนดหรือ
ตามคำสั่งศาล

6.2 สามารถขอแก้ไขหรือเปลี่ยนแปลงข้อมูลส่วนบุคคลที่ไม่ถูกต้องหรือไม่สมบูรณ์ และทำให้ข้อมูลเป็นปัจจุบันได้

6.3 สามารถขอลบหรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคลในเวลาใดก็ได้ โดยแจ้งเป็นลายลักษณ์อักษร เว้นแต่ เป็นกรณีที่บริษัทต้องปฏิบัติตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องในการเก็บ
รักษาข้อมูลดังกล่าว

ประกาศการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Privacy Notice) กลุ่มบริษัท ตาชำนิ จำกัด (มหาชน)
PERSONAL DATA PRIVACY NOTICE OF CHAMNI’S EYE PUBLIC COMPANY LIMITED

1. บททั่วไป

เพื่อเป็นการปฏิบัติตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 และกฎหมายที่เกี่ยวข้อง และให้หมายความรวมถึงกฎหมายฉบับแก้ไขเพิ่มเติมใด ๆ ในอนาคต (“กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล”) บริษัท ตาชำนิ จำกัด (มหาชน) (“บริษัทฯ”) จึงจัดทำประกาศเกี่ยวกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Privacy Notice) ของบริษัทฯ (“ประกาศฯ”) ฉบับนี้ขึ้น เพื่ออธิบายให้ท่านทราบถึงวิธีการที่บริษัทฯ ปฏิบัติต่อข้อมูลที่สามารถระบุตัวตนของท่าน หรืออาจจะระบุ
ตัวตนของท่านได้ ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม ตามกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (“ข้อมูลส่วนบุคคล”) เช่น วิธีการเก็บรวบรวม ใช้ เปิดเผย หรือ การดำเนินการใด ๆ กับข้อมูลส่วนบุคคลไม่ว่าด้วยวิธีการอัตโนมัติหรือไม่ก็ตาม อาทิ การบันทึก การจัดระบบ การจัดเก็บ การปรับเปลี่ยนหรือการดัดแปลง การเรียก
คืน การส่ง โอน การเผยแพร่หรือการทำให้สามารถเข้าถึงหรือพร้อมใช้งานโดยวิธีใด ๆ การจัดเรียง การนำมารวมกัน การจำกัดหรือการห้ามเข้าถึง การลบหรือ
การทำลาย (“ประมวลผล”) และเพื่อแจ้งให้ท่านทราบถึงวัตถุประสงค์ในการประมวลผล ระยะเวลาในการเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคล ตลอดจนสิทธิของท่านในฐานะ
เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล ทั้งนี้ บริษัทฯ ขอแนะนำให้ท่านอ่านและทำความเข้าใจถึงข้อกำหนดต่าง ๆ ภายใต้ประกาศฯ โดยมีรายละเอียดดังต่อไปนี้

2. ประเภทของบุคคลที่บริษัทฯ ทำการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล และแหล่งที่มาของข้อมูลส่วนบุคคล

2.1 ภายใต้ประกาศฯ ฉบับนี้ ประเภทของบุคคลที่บริษัทฯ ทำการเก็บรวบรวมและประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลและแหล่งที่มาของข้อมูลส่วนบุคคดังกล่าว ประกอบด้วย

ประเภท รายละเอียด แหล่งที่มาของข้อมูลส่วนบุคคล
(ก) ลูกค้า

บุคคลที่ซื้อสินค้าและ/หรือใช้บริการจากบริษัทฯ และ/หรืออาจจะ
ซื้อสินค้าและ/หรือใช้บริการจากบริษัทฯ หรือบุคคลอื่นใดที่มีลักษณะ
คล้ายคลึงกัน อาทิ ผู้เข้าร่วมกิจกรรม ผู้เข้าร่วมสัมมนา ผู้เข้าร่วม
การประมูล ผู้ใช้บริการเว็บไซต์ ผู้ใช้บริการแอปพลิเคชัน ผู้ที่ติดต่อ
เพื่อขอรับข้อมูลหรือขอรับบริการจากบริษัทฯ และผู้ตอบแบบสอบถาม
เกี่ยวกับสินค้าและ/หรือบริการของบริษัทฯ เป็นต้น และให้หมายความ
รวมถึงบุคคลที่เกี่ยวข้องหรือเป็นตัวแทนของลูกค้าซึ่งเป็นนิติบุคคล
และผู้ที่ข้อมูลส่วนบุคคลปรากฏในเอกสารต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับ
กระบวนการที่เกี่ยวข้อง

• เมื่อท่านติดต่อสื่อสาร สอบถามข้อมูล แจ้งเรื่อง
ร้องเรียน ผ่านทางเว็บไซต์ แอปพลิเคชัน โทรศัพท์ อีเมล การพบปะกันโดยตรง หรือโดยวิธีการอื่นใด

• เมื่อท่านแสดงเจตนาเพื่อซื้อสินค้าหรือใช้บริการ
จากบริษัทฯ และเข้าทำสัญญากับบริษัทฯ

• เมื่อท่านเข้าร่วมกิจกรรมทางการตลาด การจับสลากชิงโชค งานอีเว้นท์ หรือกิจกรรมอื่น ๆ การเก็บข้อมูลจากผู้ให้บริการต่าง ๆ ของบริษัทฯ อาทิ ผู้ให้บริการและแอปพลิเคชัน และผู้ให้บริการ
ประชาสัมพันธ์และแนะนำสินค้า/บริการ

• ในบางกรณีบริษัทฯ อาจเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล
ของท่านจากแหล่งข้อมูลสาธารณะ ไม่ว่าท่านจะเป็น
ผู้เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลด้วยตนเองหรือได้ให้ความยินยอมแก่ผู้ใดในการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของ
ท่านดังกล่าว

(ข) คู่ค้า

บุคคลที่เข้าเสนอราคาเพื่อขายสินค้า และ/หรือให้บริการแก่บริษัทฯ หรือมีความสัมพันธ์อื่นใดที่มีลักษณะคล้ายคลึงกันกับบริษัทฯ อาทิ ผู้ให้บริการ ที่ปรึกษา ผู้เชี่ยวชาญ นักวิชาการ วิทยากร ผู้เข้าร่วม
โครงการธุรกิจ คู่สัญญา หรือบุคคลอื่นใดที่มีลักษณะคล้ายคลึงกัน เป็นต้น และให้หมายความรวมถึงบุคคลธรรมดาที่เกี่ยวข้องหรือเป็น
ตัวแทนของคู่ค้าซึ่งเป็นนิติบุคคล และผู้ที่ข้อมูลส่วนบุคคลปรากฏใน
เอกสารต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการที่เกี่ยวข้อง 

• เมื่อท่านกรอกแบบฟอร์มต่าง ๆ ผ่านเว็บไซต์ของ
บริษัทฯ หรือช่องทางอื่น

• เมื่อท่านเข้าทำสัญญากับบริษัทฯ และส่งมอบ
เอกสารต่าง ๆ ซึ่งมีข้อมูลส่วนบุคคลของท่านปรากฏ
อยู่มาให้กับบริษัทฯ

• เมื่อท่านสอบถามข้อมูล ให้ความเห็น หรือคำติชม หรือส่งข้อร้องเรียนต่อบริษัทฯ ทางโทรศัพท์ อีเมล หรือโดยวิธีการอื่นใด

• ในบางกรณีบริษัทฯ อาจเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล
ของท่านจากแหล่งข้อมูลสาธารณะ แหล่งข้อมูล
เกี่ยวกับธุรกิจของท่าน หรือ แหล่งข้อมูลทางการค้า ไม่ว่าท่านจะเป็นผู้เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลด้วยตนเองหรือได้ให้ความยินยอมแก่ผู้ใดในการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านดังกล่าว

(ค) บุคลากรของบริษัท

บุคคลซึ่งทำงานหรือปฏิบัติหน้าที่ใด ๆ ให้กับบริษัทฯ และได้รับเงินเดือน
ค่าจ้าง สวัสดิการ หรือค่าตอบแทนอื่นไม่ว่าจะเรียกชื่ออย่างไรจาก
บริษัทฯ เช่น กรรมการ ผู้บริหาร ผู้จัดการ พนักงาน บุคลากร ผู้ฝึกงาน หรือบุคคลอื่นใดที่มีลักษณะคล้ายคลึงกัน และให้หมายความ
รวมถึงบุคคลที่เกี่ยวข้องกับบุคลากรของบริษัทฯ และผู้ที่ข้อมูล
ส่วนบุคคลปรากฏในเอกสารต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการที่
เกี่ยวข้อง เช่น บุคคลในครอบครัว (เช่น บิดา มารดา คู่สมรส และบุตร เป็นต้น) บุคคลที่สามารถติดต่อได้ในกรณีฉุกเฉิน บุคคล
อ้างอิง (Reference Person) ผู้รับผลประโยชน์ และผู้ค้ำประกัน
การทำงาน เป็นต้น 

• เมื่อท่านเข้าทำสัญญาจ้าง หรือสัญญาอื่นใดที่มี
ลักษณะคล้ายคลึงกันกับบริษัทฯ

• เมื่อท่านส่งมอบเอกสารต่าง ๆ ซึ่งมีข้อมูลส่วนบุคคล
ปรากฏอยู่มาให้กับบริษัทฯ เพื่อใช้ประกอบเป็นหลักฐาน
ในการเข้าทำสัญญาหรือนิติกรรมต่าง ๆ กับบริษัทฯ

• ในบางกรณีบริษัทฯ อาจเก็บรวบรวมข้อมูล
ส่วนบุคคลของท่าน ในสถานะบุคคลในครอบครัว บุคคลที่สามารถติดต่อได้ในกรณีฉุกเฉิน ผู้รับผล
ประโยชน์ หรือผู้ค้ำประกันการทำงานของบุคลากร
ของบริษัทฯ

(ง) ผู้สมัครงาน

บุคคลที่อาจได้รับคัดเลือกเป็นบุคลากรของบริษัทฯ โดยบริษัทฯ อาจเป็นผู้เก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของผู้สมัครงานเองโดยตรง หรือได้รับจากบุคคลภายนอกก็ได้ และให้หมายความรวมถึงบุคคลที่เกี่ยวข้องกับผู้สมัครงาน และผู้ที่ข้อมูลส่วนบุคคลปรากฏในเอกสารต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการสมัครงาน เช่น บุคคลในครอบครัว บุคคลอ้างอิง และบุคคลที่สามารถติดต่อได้ในกรณีฉุกเฉิน เป็นต้น

• เมื่อท่านยื่นใบสมัครงานและเอกสารประกอบการ
สมัครงานให้แก่บริษัทฯ ไม่ว่าโดยการ walk-in การสมัครที่บูธสมัครงานหรือการสมัครงานผ่าน
เว็บไซต์ของบริษัทฯ

• เมื่อท่านเข้าสัมภาษณ์งานกับทางบริษัทฯ

• บริษัทฯ อาจได้รับข้อมูลส่วนบุคคลของท่านมาจาก
เว็บไซต์สมัครงานของบุคคลที่สาม บุคคลอ้างอิง
ของท่าน บริษัทจัดหางาน หน่วยงานของรัฐ สถานศึกษา หรือแหล่งข้อมูลจาก Social Media ไม่ว่าท่านจะเป็นผู้เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลด้วย
ตนเองหรือได้ให้ความยินยอมแก่ผู้ใดในการเปิดเผย
ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านดังกล่าว

(จ) บุคคลทั่วไป

บุคคลอื่นใดนอกเหนือจากบุคคลในประเภทข้างต้น ที่บริษัทฯ ได้
ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล ทั้งในกรณีที่บริษัทฯ ได้รับข้อมูล
ส่วนบุคคลโดยตรง หรือเก็บรวบรวมโดยอัตโนมัติจากการใช้คุกกี้ (Cookies) หรือเทคโนโลยีอื่น ๆ หรือได้รับมาจากบุคคลภายนอก เช่น ผู้ที่ถูกบันทึกภาพโดยกล้องวงจรปิด (CCTV) และผู้ที่เข้าเว็บไซต์
ของบริษัทฯ เป็นต้น

• เมื่อท่านถูกบันทึกภาพนิ่งหรือภาพเคลื่อนไหวโดย
กล้องวงจรปิด (CCTV) ซึ่งอยู่ในความควบคุมดูแล
ของบริษัทฯ

• เมื่อท่านได้เข้าสู่เว็บไซต์ของบริษัทฯ ไม่ว่าโดยเจตนา
หรือไม่ก็ตาม

2.2 ในบางกรณีบริษัทฯ อาจเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่านโดยอัตโนมัติผ่านช่องทางต่าง ๆ เช่น การใช้คุกกี้ (Cookies) หรือเทคโนโลยีอื่น ๆ ที่คล้ายคลึงกัน 

2.3 ในการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ท่านจะได้รับการแจ้งถึงรายละเอียดต่าง ๆ ตามที่ระบุในประกาศฯ ฉบับนี้ ซึ่งรวมถึงแต่ไม่จำกัดเฉพาะ วัตถุประสงค์และฐานทางกฎหมายในการเก็บรวบรวม ใช้ เปิดเผย และ/หรือ ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล หรือหากเป็นกรณีที่กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
กำหนดให้การประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลใดต้องได้รับความยินยอมจากท่าน บริษัทฯ จะขอความยินยอมโดยชัดแจ้งจากท่าน

2.4 ในกรณีที่บริษัทฯ เก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไว้ก่อนวันที่กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลมีผลใช้บังคับบริษัทฯ จะเก็บรวบรวมและใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านต่อไปตามวัตถุประสงค์เดิมที่บริษัทฯ ได้แจ้งไว้แก่ท่านในการ
เก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลซึ่งท่านมีสิทธิยกเลิกความยินยอม โดยติดต่อมายังบริษัทฯ ตามรายละเอียดการติดต่อที่ระบุไว้ในข้อ 8 ของประกาศฯ ฉบับนี้ ทั้งนี้ บริษัทฯ ขอสงวนสิทธิในการพิจารณาคำขอยกเลิกความยินยอมของท่านและดำเนินการตามที่กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนด

3. ข้อมูลส่วนบุคคลที่ถูกเก็บรวบรวม

ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่ถูกเก็บรวบรวมและประมวลผลภายใต้ประกาศฯ ฉบับนี้ ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลส่วนบุคคลที่ท่านให้ไว้กับบริษัทฯ โดยตรง หรือข้อมูลส่วนบุคคล
ที่บริษัทฯ เก็บรวบรวมจากท่านโดยอัตโนมัติ หรือข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทฯ ได้รับมาจากบุคคลภายนอก ได้แก่

3.1 ข้อมูลส่วนตัว เช่น ชื่อ นามสกุล วัน/เดือน/ปีเกิด อายุ เพศ น้ำหนัก ส่วนสูง หมายเลขบัตรประจำตัวประชาชน รูปถ่าย ลายมือชื่อ สัญชาติ เชื้อชาติ ศาสนา สถาน
ภาพสมรส สถานภาพทางทหาร ข้อมูลบุคคลในครอบครัว (เช่น บิดา มารดา คู่สมรส และบุตร เป็นต้น) ข้อมูลสุขภาพ และข้อมูลชีวภาพ (เช่น ลายนิ้วมือ ลายฝ่ามือ และภาพจำลองใบหน้า เป็นต้น) เป็นต้น

3.2 ข้อมูลการติดต่อ เช่น ที่อยู่ตามบัตรประจำตัวประชาชน ที่อยู่ตามทะเบียนบ้าน สถานที่จัดส่งสินค้า สถานที่จัดส่งใบแจ้งหนี้ หมายเลขโทรศัพท์ โทรสาร อีเมล ไอดีผู้ใช้สำหรับไลน์แอปพลิเคชัน (Line ID) ข้อมูลผู้ที่สามารถติดต่อได้ในกรณีฉุกเฉิน และข้อมูลบุคคลอ้างอิง เป็นต้น

3.3 ข้อมูลเกี่ยวกับธุรกิจ เช่น รายละเอียดเกี่ยวกับบริษัทของลูกค้า (เช่น ชื่อ เลขทะเบียน สถานที่ตั้ง และข้อมูลการติดต่อ เป็นต้น) และเงื่อนไขการค้า เป็นต้น

3.4 ข้อมูลเกี่ยวกับธุรกรรมการซื้อขาย เช่น รหัสคู่ค้า รายละเอียดของสินค้าที่ต้องการ รายละเอียดการส่งสินค้า เลขที่บัญชีธนาคาร และจำนวนเงิน เป็นต้น

3.5 ข้อมูลเกี่ยวกับการชำระเงิน เช่น จำนวนเงิน วงเงินสินเชื่อ เงื่อนไขการชำระเงิน เลขที่บัญชี ข้อมูลส่วนบุคคลที่ปรากฏในใบแจ้งหนี้ ใบกำกับภาษี เช็คและต้นขั้วเช็ค ใบสำคัญการจ่าย ใบเสร็จรับเงิน ใบสำคัญรับเงิน และใบหักบัญชีเงินฝาก เป็นต้น

3.6 ข้อมูลที่ใช้ประกอบเป็นหลักฐานในการทำธุรกรรมหรือนิติกรรมต่าง ๆ เช่น ข้อมูลส่วนบุคคลที่ปรากฏในสำเนาบัตรประชาชน สำเนาหนังสือเดินทาง สำเนาทะเบียน
บ้าน สำเนาใบเปลี่ยนชื่อนามสกุล สำเนาใบอนุญาตประกอบกิจการโรงงาน แบบฟอร์มลงทะเบียน สำเนาเอกสารสิทธิที่ดิน ใบขอเปิดหน้าบัญชีลูกค้า เอกสารรับรอง
บุคคลที่ไม่เกี่ยวโยงกัน หนังสือมอบอำนาจ สำเนาหนังสือรับรองบริษัท สำเนาภพ.09/20 แผนที่ เอกสารหลักประกัน (เช่น โฉนดที่ดิน หนังสือค้ำประกันโดยธนาคาร (Bank Guarantee) หนังสือค้ำประกันโดยบุคคล) สัญญาซื้อขายหรือสัญญาอื่นใดที่เกี่ยวข้องกับธุรกรรม ใบส่งสินค้า สำเนาใบอนุญาตให้เป็นทนายความ และสำเนา
ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพหรือธุรกิจต่าง ๆ สำเนาใบสำคัญการเกณฑ์ทหาร สำเนาสมุดบัญชีธนาคาร สำเนาทะเบียนสมรส สำเนาสูติบัตร แบบแจ้งขออนุมัติเงินเดือน
พนักงานใหม่และบรรจุเป็นรายเดือน ใบรับรองแพทย์ ผลตรวจร่างกายก่อนเข้าทำงาน แบบระบุนามผู้รับผลประโยชน์ แบบขึ้นทะเบียนผู้ประกันตน หนังสือยินยอมให้
สอบประวัติบุคคล รายงานผลการตรวจสอบประวัติบุคคล สัญญาจ้างงาน หนังสือค้ำประกันการทำงานและเอกสารที่เกี่ยวข้อง (เช่น หนังสือรับรองตำแหน่ง สำเนาบัตรข้าราชการ หนังสือรับรองเงินเดือน สำเนาทะเบียนการค้า หรือเอกสารจัดตั้งบริษัทที่มีชื่อผู้ค้ำประกันการทำงานเป็นเจ้าของหรือเป็นหุ้นส่วน เป็นต้น) ข้อตกลงการว่าจ้างกรรมการ (Directorship Agreement) และหนังสือมอบอำนาจ เป็นต้น

3.7 ข้อมูลเกี่ยวกับการศึกษา การฝึกอบรม เช่น ประวัติการศึกษาและการฝึกอบรม (เช่น ชื่อสถาบัน คณะ สาขาวิชา และปีที่จบ เป็นต้น) หนังสือรับรองคุณวุฒิ ใบแสดงผลการศึกษา ความสามารถทางภาษา ความสามารถด้านคอมพิวเตอร์ ข้อมูลการอบรมและข้อมูลการทดสอบ และกิจกรรมที่เข้าร่วมระหว่างการศึกษา เป็นต้น

3.8 ข้อมูลเกี่ยวกับการสมัครงาน เช่น ประวัติส่วนตัว ประวัติการทำงาน ข้อมูลที่ปรากฏใน Resume/CV ข้อมูล ประวัติอาชญากรรม ตำแหน่งที่สมัคร เงินเดือนที่คาดหวัง ข้อมูลการสัมภาษณ์งาน หลักฐานหรือหนังสืออ้างอิงต่าง ๆ และข้อมูลที่ปรากฏในแบบประเมินผลการสัมภาษณ์ (เช่น ผลการประเมิน ความรู้และประสบการณ์ คุณลักษณะส่วนบุคคล การทำงานกับผู้อื่น และศักยภาพ) เป็นต้น

3.9 ข้อมูลเกี่ยวกับการทำงานและการประเมินผล เช่น รหัสบุคลากร ตำแหน่ง แผนก สังกัด สายการบังคับบัญชา การประเมินผลการปฏิบัติงาน พฤติกรรมในการ
ทำงาน ผลงานและ/หรือรางวัลที่เคยได้รับ ข้อมูลการฝึกอบรม ข้อมูลการลงโทษทางวินัย ข้อมูลที่ปรากฏในหนังสือโอนย้ายบุคลากรข้ามบริษัท สัญญายืมตัวบุคลากร หนังสือเลิกจ้าง ใบลาออกจากการเป็นบุคลากร และเหตุผลที่ลาออก เป็นต้น

3.10 ข้อมูลเกี่ยวกับผลประโยชน์และค่าตอบแทน เช่น เงินเดือน ค่าจ้าง ผลตอบแทน โบนัส รายละเอียดเกี่ยวกับค่าบำเหน็จ สวัสดิการ เลขบัญชีธนาคาร ข้อมูลของ
ผู้ค้ำประกันการทำงาน ข้อมูลของผู้รับผลประโยชน์ ข้อมูลเกี่ยวกับการประกันสังคม ข้อมูลเกี่ยวกับกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ ข้อมูลด้านภาษีอากร ข้อมูลการหักลด
หย่อนภาษี ข้อมูลสิทธิประโยชน์เกี่ยวกับสุขภาพ (รวมถึงสำหรับบุคคลในครอบครัว) และ/หรือผลประโยชน์อื่น ๆ ข้อมูลส่วนบุคคลที่ปรากฏในใบรับรองแพทย์ รายงาน
ผลการตรวจสุขภาพประจำปี แบบแจ้งการลาคลอด แบบเบิกเงินยืมสวัสดิการ หนังสือยินยอมให้หักเงินเดือน ใบเสร็จรับเงิน ใบแจ้งหนี้ แบบการเรียกค่าสินไหมทดแทน
(สำหรับการประกันอุบัติเหตุ และประกันชีวิต) และแบบขออนุมัติผลประโยชน์เมื่อพ้นสภาพบุคลากรสำหรับการเกษียณอายุ เป็นต้น

3.11 ข้อมูลเกี่ยวกับสถิติทางทะเบียน เช่น วันที่เริ่มงาน วันครบกำหนดทดลองงาน วันและเวลาที่เข้าทำงาน จำนวนชั่วโมงที่ทำงาน จำนวนชั่วโมงที่ทำงานล่วงเวลา วันหยุดพักผ่อนประจำปี วันลา แบบแจ้งการลา รายละเอียดการลารวมถึงสาเหตุการลา บันทึกการเข้าออกบริษัทฯ และการบันทึกการใช้ระบบต่าง ๆ ของบริษัทฯ เป็นต้น

3.12 ข้อมูลด้านเทคนิค เช่น ข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์ (Log) หมายเลขประจำเครื่องคอมพิวเตอร์ (IP Address) และข้อมูลที่บริษัทฯ ได้เก็บรวบรวมผ่านคุกกี้ (Cookies) หรือเทคโนโลยีอื่นที่คล้ายคลึงกัน เป็นต้น

3.13 ข้อมูลอื่น ๆ เช่น บันทึกเสียงการสนทนา และบันทึกภาพนิ่งและภาพเคลื่อนไหวผ่านกล้องวงจรปิด (CCTV) ข้อมูลอื่นใดที่ท่านส่งถึงเราในการเชื่อมต่อกับเว็บไซต์ เช่น ความคิดเห็น และตำแหน่งที่อยู่ของท่าน เป็นต้น

4. วัตถุประสงค์และฐานทางกฎหมายในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล

4.1 บริษัทฯ ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน เพื่อวัตถุประสงค์ต่าง ๆ ภายใต้ฐานทางกฎหมาย ดังต่อไปนี้ (รวมกันเรียกว่า “วัตถุประสงค์ที่กำหนด”

ลำดับ วัตถุประสงค์ที่กำหนด ฐานทางกฎหมายในทางประมวลผล

(ก) วัตถุประสงค์เกี่ยวกับการจำหน่ายสินค้าและให้บริการแก่ลูกค้า ตลอดจนการดำเนินการอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง

(1)
เพื่อการลงทะเบียนสมัครสมาชิก หรือเปิดบัญชีลูกค้า

• ฐานพันธะสัญญา: การประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าเป็นการจำเป็นเพื่อใช้ในการ
ดำเนินการตามคำขอของลูกค้า สำหรับการลงทะเบียนสมัครสมาชิกเป็นลูกค้ารายใหม่หรือ
การเปิดบัญชีลูกค้า

• ฐานประโยชน์อันชอบด้วยกฎหมาย: ในกรณีที่ลูกค้าเป็นนิติบุคคล การประมวลผลข้อมูล
ส่วนบุคคลของผู้ที่เกี่ยวข้องกับลูกค้าเป็นการจำเป็นเพื่อประโยชน์อันชอบด้วยกฎหมายในการดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ

(2)
เพื่อการดำเนินการเข้าทำสัญญา ซื้อขายสินค้าและบริการ 

• ฐานพันธะสัญญา: การประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าเป็นการจำเป็นเพื่อการเข้า
ทำสัญญา และกระบวนการอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการเข้าทำสัญญา

• ฐานประโยชน์อันชอบด้วยกฎหมาย: ในกรณีที่ลูกค้าเป็นนิติบุคคล การประมวลผลข้อมูล
ส่วนบุคคลของผู้ที่เกี่ยวข้องกับลูกค้าเป็นการจำเป็นเพื่อประโยชน์อันชอบด้วยกฎหมายในการ
ดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ เช่น การบริหารจัดการสัญญา การตรวจสอบยืนยันตัวตนของลูกค้า และการพิจารณาคุณสมบัติลูกค้า เป็นต้น

(3)
เพื่อการบริหารจัดการคำสั่งซื้อจากลูกค้าจัดเตรียมสินค้าและ/หรือบริการ และดำเนินการอื่นใดที่เกี่ยวข้อง

• ฐานพันธะสัญญา: การประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าเป็นการจำเป็นเพื่อการปฏิบัติ
หน้าที่ตามสัญญาซื้อขายและบริการ ซึ่งลูกค้าเป็นคู่สัญญา เช่น การจัดเตรียมจัดส่งสินค้า การวางบิล การยืนยันยอดหนี้ค้างชำระ และการจัดส่งใบเสร็จรับเงินให้แก่ลูกค้า เป็นต้น

• ฐานประโยชน์อันชอบด้วยกฎหมาย: ในกรณีที่ลูกค้าเป็นนิติบุคคล การประมวลผลข้อมูล
ส่วนบุคคลของผู้ที่เกี่ยวข้องกับลูกค้าเป็นการจำเป็นเพื่อประโยชน์อันชอบด้วยกฎหมายในการดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ

(4)
เพื่อการดำเนินการแก้ไขเปลี่ยนแปลงรายละเอียดเกี่ยวกับลูกค้า และการรับเรื่องร้องเรียน

• ฐานประโยชน์อันชอบด้วยกฎหมาย: การประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าเป็นการจำเป็น
เพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายของบริษัทฯ ในการอำนวยความสะดวกแก่ลูกค้าในการ
แก้ไขเปลี่ยนแปลงรายละเอียดเกี่ยวกับลูกค้า ให้มีความถูกต้อง เป็นปัจจุบัน สมบูรณ์ และไม่ก่อ
ให้เกิดความเข้าใจผิด และเพื่อเป็นการพัฒนาคุณภาพการให้บริการของบริษัทฯ สำหรับในกรณี
การรับเรื่องร้องเรียนหรือข้อเสนอแนะจากลูกค้า

(ข) วัตถุประสงค์เกี่ยวกับการจัดซื้อจัดจ้างกับคู่ค้า การใช้บริการของผู้ให้บริการ และการดำเนินการอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง

(1)
เพื่อการจัดซื้อจัดจ้าง และการคัดเลือกคู่ค้า หรือบุคคล อื่นใดที่มีลักษณะคล้ายคลึงกัน

• ฐานพันธะสัญญา: การประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลเป็นการจำเป็นเพื่อใช้ในการดำเนินการ
ตามคำขอเข้าเสนอราคาของคู่ค้าที่เสนอราคา หรือบุคคลอื่นใดที่มีลักษณะคล้ายคลึงกัน ก่อนเข้าทำสัญญาซื้อขาย สัญญาให้บริการ หรือสัญญาอื่นใดที่เกี่ยวข้องกับการจัดซื้อจัดจ้าง
ของบริษัทฯ

• ฐานประโยชน์อันชอบด้วยกฎหมาย: การประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลเป็นการจำเป็นเพื่อประโยชน์อันชอบด้วยกฎหมายในการดำเนินธุรกิจและดำเนินการตามนโยบายการจัดซื้อจัดจ้างของบริษัทฯ

(2)
เพื่อการลงทะเบียนคู่ค้ารายใหม่ หรือบุคคลอื่นใดที่มี ลักษณะคล้ายคลึงกัน 

• ฐานพันธะสัญญา: การประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลเป็นการจำเป็นเพื่อใช้ในการดำเนินการ
ตามคำขอของผู้ที่คาดว่าจะเป็นคู่ค้า หรือบุคคลอื่นใดที่มีลักษณะคล้ายคลึงกัน เพื่อดำเนินการ
ลงทะเบียนเป็นคู่ค้ารายใหม่ ตลอดจนการดำเนินการอื่นใดที่เกี่ยวข้อง

• ฐานประโยชน์อันชอบด้วยกฎหมาย: ในกรณีที่คู่ค้าเป็นนิติบุคคล การประมวลผลข้อมูล
ส่วนบุคคลของผู้ที่เกี่ยวข้องกับคู่ค้าเป็นการจำเป็นเพื่อประโยชน์อันชอบด้วยกฎหมายในการ
ดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ

(3)
เพื่อการจัดทำและการบริหารจัดการสัญญาระหว่าง บริษัทฯ กับคู่สัญญาใด ๆ

• ฐานพันธะสัญญา: การประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของคู่สัญญาเป็นการจำเป็นเพื่อใช้ใน
การดำเนินการตามคำขอของคู่สัญญาดังกล่าว ที่ได้แสดงเจตนาเข้าทำสัญญากับบริษัทฯ

• ฐานประโยชน์อันชอบด้วยกฎหมาย: การประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของคู่สัญญา (หรือของบุคคลที่เกี่ยวข้องหรือตัวแทนของคู่สัญญา ในกรณีที่คู่สัญญาเป็นนิติบุคคล) เป็นการจำเป็นเพื่อประโยชน์อันชอบด้วยกฎหมาย ในการจัดทำและการบริหารจัดการสัญญา
ของบริษัทฯ

(4)
เพื่อการปฏิบัติหน้าที่ตามสัญญา ซึ่งเข้าทำกับคู่ค้า หรือ บุคคลอื่นใดที่มีลักษณะคล้ายคลึงกัน

• ฐานพันธะสัญญา: การประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลเป็นการจำเป็นเพื่อใช้ในการปฏิบัติหน้าที่
ตามสัญญา ซึ่งเข้าทำกับคู่ค้า หรือบุคคลอื่นใดที่มีลักษณะคล้ายคลึงกัน เช่น การสั่งซื้อสินค้า
หรือบริการ การตั้งหนี้และชำระราคาสินค้าหรือบริการ และการรับสินค้าหรือบริการ เป็นต้น

(ค) วัตถุประสงค์เกี่ยวกับการวิเคราะห์ข้อมูลและการพัฒนาคุณภาพสินค้าและบริการของบริษัทฯ

(1)
เพื่อการวิเคราะห์การใช้งานเว็บไซต์ แอปพลิเคชัน หรือช่องทางอื่น ๆ ของท่าน

• ฐานประโยชน์อันชอบด้วยกฎหมาย: การประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านจากการใช้งาน
เว็บไซต์ แอปพลิเคชัน หรือช่องทางอื่น ๆ เป็นการจำเป็นเพื่อประโยชน์อันชอบด้วยกฎหมายของ
บริษัทฯ ในการดำเนินธุรกิจและการพัฒนาคุณภาพการให้บริการของบริษัทฯ

• ฐานความยินยอม: ในกรณีที่บริษัทฯ ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเพื่อนำมาวิเคราะห์
พฤติกรรมและทำโฆษณาแบบเจาะจงตามพฤติกรรมของท่าน บริษัทฯ จะดำเนินการโดยอาศัย
ความยินยอมที่ได้รับจากท่าน

(ง) วัตถุประสงค์เกี่ยวกับการบริหารจัดการทรัพยากรบุคคล

(1)

เพื่อการรับสมัครงาน คัดเลือกผู้สมัครงาน การสัมภาษณ์ และการดำเนินการใด ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการสมัครงาน

• ฐานพันธะสัญญา: การประมวลผลส่วนบุคคลของผู้สมัครงาน เป็นการจำเป็นเพื่อใช้ในการ
พิจารณาคำขอของผู้สมัครงาน ที่ได้แสดงเจตนาสมัครงานเพื่อเข้าสู่กระบวนการคัดเลือก
บุคลากรของบริษัทฯ

• ฐานประโยชน์อันชอบด้วยกฎหมาย: การประมวลผลส่วนบุคคลของผู้สมัครงานหรือผู้ที่
เกี่ยวข้องกับผู้สมัครงาน เป็นการจำเป็นเพื่อประโยชน์อันชอบด้วยกฎหมายของบริษัทฯ ในการ
รับสมัครและคัดเลือกผู้สมัครงาน

• ฐานความยินยอม: การประเมินผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ในฐานะบุคคลในครอบครัว
หรือบุคคลอ้างอิง (Reference Person) ของผู้สมัครงานจะดำเนินการโดยอาศัยความยินยอม
ที่ได้รับจากท่าน

• ฐานความยินยอม: ในกรณีที่บริษัทฯ ทำการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ที่คาดว่าจะ
เป็นบุคลากร โดยการตัดสินใจของบริษัทฯ เอง (Own Initiative) จากแหล่งอื่น เช่น เว็บไซต์ Recruiter โดยที่ผู้ที่คาดว่าจะเป็นบุคลากรยังไม่ได้แสดงเจตนาว่าประสงค์ที่จะสมัครงาน (Open to Job Opportunities) กับบริษัทฯ

(2)
เพื่อการดำเนินการอื่นใดที่เกี่ยวข้องกับจ้างงาน และการ บรรจุบุคลากรเข้าทำงาน อาทิ การตรวจร่างกายก่อนเข้า ทำงาน การตรวจสอบประวัติอาชญากรรม และการเข้าทำ สัญญาจ้าง

• ฐานพันธะสัญญา: การประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของบุคลากร เป็นการจำเป็นเพื่อดำเนิน
การเข้าทำสัญญาจ้าง และสัญญาอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนการดำเนินการใด ๆ ที่จำเป็นก่อน
การเข้าทำสัญญาดังกล่าว

• ฐานประโยชน์อันชอบด้วยกฎหมาย: การประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของบุคลากรเป็นการ
จำเป็นในการบริหารจัดการด้านทรัพยากรบุคคลของบริษัทฯ เช่น การตรวจสอบและพิจารณา
คุณสมบัติของบุคลากร เพื่อบรรจุบุคลากรเข้าทำงานในตำแหน่งที่เหมาะสม เป็นต้น

• ฐานความยินยอม: การประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความอ่อนไหวของบุคลากร อาทิ ประวัติอาชญากรรม ข้อมูลสุขภาพ และข้อมูลชีวภาพ จะกระทำโดยอาศัยความยินยอมที่ได้รับ
จากบุคลากร

(3)
เพื่อการบริหารจัดการสวัสดิการและผลประโยชน์บุคลากร ซึ่งรวมถึงแต่ไม่จำกัดเฉพาะ เงินยืมสวัสดิการ การเบิกค่า รักษาพยาบาล สวัสดิการส่วนลดสำหรับบุคลากร การ ตรวจร่างกายประจำปี และการประกันภัยแบบกลุ่ม

• ฐานพันธะสัญญา: การประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของบุคลากร เป็นการจำเป็นสำหรับบริษัทฯ
ในการปฏิบัติตามสัญญาจ้าง และสัญญาอื่น ๆ ซึ่งบุคลากรเป็นคู่สัญญา

• ฐานประโยชน์อันชอบด้วยกฎหมาย: การประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของบุคลากร และผู้ที่
เกี่ยวข้องกับบุคลากร เป็นการจำเป็นต่อการบริหารจัดการด้านทรัพยากรบุคคลของบริษัทฯ เช่น การจัดสรรสวัสดิการและผลประโยชน์ของบุคลากร และผู้ที่เกี่ยวข้องกับบุคลากร

• ฐานความยินยอม: การประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความอ่อนไหวของบุคลากร และผู้ที่
เกี่ยวข้องกับบุคลากร อาทิ ข้อมูลสุขภาพ เพื่อการบริหารจัดการการประกันภัยแบบกลุ่มหรือ
สวัสดิการอื่น ๆ จะกระทำโดยอาศัยความยินยอมที่ได้รับจากบุคลากรและผู้ที่เกี่ยวข้อง
กับบุคลากร

(4)
เพื่อวัตถุประสงค์ในการปฏิบัติหน้าที่ของบุคลากรตามสัญญาจ้าง ข้อตกลงการว่าจ้าง สัญญาแต่งตั้ง หรือสัญญาอื่นใด ซึ่งเข้าทำกับบริษัทฯ

• ฐานพันธะสัญญา: การประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของบุคลากรที่เกี่ยวข้อง เป็นการจำเป็นเพื่อ
การปฏิบัติหน้าที่หรือทำงานตามขอบเขตที่ระบุในสัญญาจ้าง ข้อตกลงการว่าจ้าง สัญญาแต่งตั้ง หรือสัญญาอื่นใด ซึ่งบุคลากรได้เข้าทำกับบริษัทฯ

• ฐานประโยชน์อันชอบด้วยกฎหมาย: การประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของบุคลากร เป็นการ
จำเป็นเพื่อประโยชน์อันชอบด้วยกฎหมายในการดำเนินธุรกิจ และการปฏิบัติตามกฎหมายที่เกี่ยว
ของบริษัทฯ

(5)
เพื่อวัตถุประสงค์ในการจ่ายเงินเดือน ค่าจ้าง โบนัส ค่าตอบแทน หรือสิทธิประโยชน์ใด ๆ

• ฐานพันธะสัญญา: การประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของบุคลากร เป็นการจำเป็นสำหรับการจ่าย
ค่าจ้าง เงินเดือน โบนัส ค่าตอบแทนและ/หรือสิทธิประโยชน์ใด ๆ ตามสัญญาจ้าง และสัญญาอื่น ๆ ซึ่งบุคลากรเป็นคู่สัญญา

• ฐานกฎหมาย: ในบางกรณี การประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของบุคลากร และผู้ที่เกี่ยวข้องกับ
บุคลากร เป็นการปฏิบัติตามกฎหมายของบริษัทฯ เช่น การหักภาษี ณ ที่จ่าย ตามกฎหมายว่าด้วย
ภาษีอากร เป็นต้น

(6)
เพื่อวัตถุประสงค์ในการบริหารจัดการการฝึกอบรม บุคลากร

• ฐานประโยชน์อันชอบด้วยกฎหมาย: การประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของบุคลากร เป็นการ
จำเป็นเพื่อประโยชน์อันชอบด้วยกฎหมายของบริษัทฯ ในการบริการจัดการการจัดฝึกอบรม เช่น การลงทะเบียนหลักสูตรอบรม การจัดให้มีแผนการดำเนินการและแบบฝึกอบรม ตลอดจนการ
จัดสรรสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ ที่เหมาะสม สำหรับการจัดฝึกอบรม เป็นต้น

(จ) วัตถุประสงค์เกี่ยวกับการปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องหรือใช้บังคับกับบริษัทฯ และการก่อตั้งสิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย

(1)
เพื่อการปฏิบัติตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง หรือใช้บังคับ กับบริษัทฯ

• ฐานกฎหมาย: เพื่อการปฏิบัติตามกฎหมายซึ่งบังคับใช้กับบริษัทฯ อาทิ กฎหมายว่าด้วยการ
คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล กฎหมายภาษีอากร กฎหมายแรงงาน กฎหมายว่าด้วยการประกัน
สังคม กฎหมายแพ่งและพาณิชย์ กฎหมายว่าด้วยบริษัทมหาชนจำกัด และกฎหมายว่าด้วยหลัก
ทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ เป็นต้น

(2)
เพื่อการก่อตั้งสิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย และดำเนินการ อื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง

• ฐานประโยชน์อันชอบด้วยกฎหมาย: การประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลเป็นการจำเป็นเพื่อการ
ก่อตั้งสิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย การปฏิบัติตามหรือการใช้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย หรือการยกขึ้นต่อสู้ซึ่งสิทธิเรียกร้องของบริษัทฯ ในขั้นตอนต่าง ๆ ตามกฎหมาย เช่น การสอบ
สวนและการไต่สวนโดยเจ้าหน้าที่รัฐ การเตรียมคดี การดำเนินคดี และการต่อสู้คดีในชั้นศาล
เป็นต้น

(ฉ) วัตถุประสงค์เกี่ยวกับการรักษาความมั่นคงปลอดภัย

(1)
เพื่อการตรวจสอบดูแลความสงบเรียบร้อยและรักษาความ ปลอดภัยของบุคคล และ ทรัพย์สินของบริษัทฯ และของบุคคลทั่วไป

• ฐานประโยชน์อันชอบด้วยกฎหมาย: การประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลเป็นการจำเป็นเพื่อ
ประโยชน์อันชอบด้วยกฎหมาย ในการตรวจสอบดูแลความสงบเรียบร้อยและรักษาความปลอดภัย
ในทรัพย์สินของบริษัทฯ และของบุคคลทั่วไป เช่น การใช้ภาพบันทึกจากกล้องวงจรปิด (CCTV) เพื่อป้องกันการสูญหาย หรือเสียหายในทรัพย์สินของบริษัทฯ และของบุคคลทั่วไป เป็นต้น

• ฐานการป้องกันหรือระงับอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย หรือสุขภาพของบุคคล: การประมวล
ผลข้อมูลส่วนบุคคลเป็นการจำเป็นเพื่อประโยชน์ในการตรวจสอบดูแล ป้องกัน หรือระงับ
เหตุการณ์ใด ๆ ที่อาจเป็นอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย หรือสุขภาพของบุคคล

(ช) ดำเนินการใด ๆ ที่จำเป็นและเป็นประโยชน์ต่อท่าน และวัตถุประสงค์อื่น ๆ

(1)
เพื่อการดำเนินการใด ๆ ที่จำเป็นและเป็นประโยชน์ต่อท่าน หรือเกี่ยวข้องโดยตรงกับวัตถุประสงค์ที่กำหนดใด ๆ ข้างต้น

• ฐานประโยชน์อันชอบด้วยกฎหมาย: การประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลเป็นการจำเป็นเพื่อประโยชน์
อันชอบด้วยกฎหมายของบริษัทฯ ในการดำเนินการใด ๆ ที่จำเป็นของบริษัทฯ และ/หรือเป็น
ประโยชน์ต่อท่าน หรือเกี่ยวข้องโดยตรงกับวัตถุประสงค์ที่กำหนดข้างต้น หากเป็นกรณีที่
กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนดให้การประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลใด
ต้องได้รับความยินยอมจากท่าน บริษัทฯ จะขอความยินยอมโดยชัดแจ้งจากท่าน

(2)
เพื่อวัตถุประสงค์อื่น ๆ ที่บริษัทฯ จะแจ้งให้ท่านทราบ

• บริษัทฯ จะแจ้งให้ท่านทราบถึงวัตถุประสงค์อื่นใดอันเป็นเหตุให้บริษัทฯ ต้องประมวลผลข้อมูล
ส่วนบุคคลของท่านนอกเหนือไปจากวัตถุประสงค์ที่กำหนดข้างต้น หรือเมื่อบริษัทฯ มีการเปลี่ยน
แปลงวัตถุประสงค์เดิมที่กำหนดไว้ หากเป็นกรณีที่กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
กำหนดให้การประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลใดต้องได้รับความยินยอมจากท่าน บริษัทฯ จะขอความ
ยินยอมโดยชัดแจ้งจากท่าน

4.2 เนื่องจากข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่บริษัทฯ จะดำเนินการประมวลผลเพื่อวัตถุประสงค์ที่กำหนดตามข้อ

4.1 ข้างต้นในส่วนที่มีความเกี่ยวเนื่องกับการปฏิบัติตามกฎหมายหรือสัญญาหรือมีความจำเป็นเพื่อเข้าทำสัญญากับท่าน เป็นข้อมูลที่จำเป็นต่อการบรรลุวัตถุประสงค์
ดังกล่าว หากท่านไม่ประสงค์ที่จะให้ข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวแก่บริษัทฯ อาจมีผลกระทบทางกฎหมาย หรืออาจทำให้บริษัทฯ ไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ภายใต้สัญญาที่ได้
เข้าทำกับท่าน หรือไม่สามารถเข้าทำสัญญากับท่านได้ (แล้วแต่กรณี) ในกรณีดังกล่าว บริษัทฯ อาจมีความจำเป็นต้องปฏิเสธการเข้าทำสัญญากับท่าน หรือยกเลิก
การซื้อขายหรือการให้บริการที่เกี่ยวข้องกับท่าน หรือปฏิเสธการให้สวัสดิการหรือสิทธิประโยชน์ที่เกี่ยวข้องกับท่าน ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน

4.3 ในกรณีที่บริษัทฯ จะดำเนินการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านในลักษณะ และ/หรือเพื่อวัตถุประสงค์ที่ไม่สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ที่ระบุไว้ข้างต้น บริษัทฯ จะจัดให้มีนโยบายหรือประกาศเกี่ยวกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลเพิ่มเติม และ/หรือมีหนังสือไปยังท่านเพื่ออธิบายการประมวลผลข้อมูลในลักษณะดังกล่าว โดยท่านควรอ่านนโยบายหรือประกาศเพิ่มเติมที่เกี่ยวข้องร่วมกับประกาศฯ ฉบับนี้ และ/หรือหนังสือดังกล่าว (แล้วแต่กรณี)

5. การเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล

5.1 บริษัทฯ อาจเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ภายใต้วัตถุประสงค์ที่กำหนดและตามหลักเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนด ให้แก่บุคคลและหน่วยงานดังต่อไปนี้

• (ก) บริษัทในกลุ่มธุรกิจภายใต้บริษัท ตาชำนิ จำกัด (มหาชน) ทั้งนี้ ให้หมายความรวมถึงผู้บริหาร กรรมการ พนักงาน ลูกจ้าง และ/หรือบุคลากรภายในของบริษัท
ดังกล่าวเท่าที่เกี่ยวข้อง และตามความจำเป็นเพื่อการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน

• (ข) คู่ค้าทางธุรกิจ ผู้ให้บริการ และผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทฯ มอบหมายหรือว่าจ้างให้ทำหน้าที่บริหารจัดการ/ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลให้แก่บริษัทฯ ในการให้บริการต่าง ๆ เช่น การตรวจสุขภาพของบุคลากรโดยคู่ค้าทางธุรกิจ การให้บริการด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ บริการบันทึกข้อมูล บริการชำระเงิน บริการ
รับส่งไปรษณีย์ บริการรับส่งพัสดุ บริการจัดพิมพ์ บริการด้านสุขภาพ บริการประกันภัย บริการการฝึกอบรม บริการวิเคราะห์ข้อมูล บริการทำการวิจัย การทำการ
ตลาด หรือบริการอื่นใดที่อาจเป็นประโยชน์ต่อท่าน หรือเกี่ยวข้องกับการดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ อาทิ ธนาคารพาณิชย์ โรงพยาบาล บริษัทประกันชีวิต บริษัทประกันวินาศภัย เป็นต้น

• (ค) ที่ปรึกษาของบริษัทฯ อาทิ ที่ปรึกษากฎหมาย ทนายความ ผู้ตรวจสอบบัญชี นักคณิตศาสตร์ประกันภัย หรือผู้เชี่ยวชาญอื่นใด ทั้งภายในและภายนอกของบริษัทฯ เป็นต้น

• (ง) หน่วยงานของรัฐที่มีหน้าที่กำกับดูแลตามกฎหมาย หรือที่ร้องขอให้เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลโดยอาศัยอำนาจตามกฎหมาย หรือที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการทาง
กฎหมาย หรือที่ได้รับอนุญาตตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง อาทิ กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน กรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิต
คนพิการ กรมสรรพากร สำนักงานประกันสังคม กรมการปกครอง กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กรมทรัพย์สินทางปัญญา สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูล
ส่วนบุคคล สำนักงานคณะกรรมการการแข่งขันทางการค้า สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สำนักงานอัยการสูงสุด ศาล และกรมบังคับคดี เป็นต้น

• (จ) ลูกค้า คู่ค้า คู่สัญญาของบริษัทฯ ที่ท่านเป็นผู้ติดต่อสื่อสารหรือเกี่ยวข้องกับหน้าที่หรือตำแหน่งของท่าน หรือบุคคลอื่นใดที่มีลักษณะคล้ายคลังกัน

• (ฉ) บุคคลหรือหน่วยงานอื่นใดที่ท่านให้ความยินยอมให้เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านต่อบุคคลหรือหน่วยงานนั้น ๆ อาทิ การเปิดเผยการประมวลภาพกิจกรรม
ตามช่องทางสื่อต่าง ๆ ของบริษัทฯ ให้แก่ประชาชนทั่วไป

5.2 การเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้กับบุคคลอื่น จะดำเนินการภายใต้วัตถุประสงค์ที่กำหนด หรือวัตถุประสงค์อื่นที่กฎหมายกำหนดให้กระทำได้เท่านั้น ใน
กรณีที่กฎหมายกำหนดว่าต้องได้รับความยินยอมจากท่าน บริษัทฯ จะขอความยินยอมจากท่านก่อน

5.3 ในการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้กับบุคคลอื่น บริษัทฯ จะจัดให้มีมาตรการที่เหมาะสมเพื่อคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่ได้เปิดเผยและเพื่อปฏิบัติตาม
มาตรฐานและหน้าที่การคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ตามที่กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนด ทั้งนี้ ในกรณีที่บริษัทฯ ส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคล
ของท่านไปต่างประเทศ บริษัทฯ จะดำเนินการเพื่อทำให้แน่ใจว่าประเทศปลายทาง องค์การระหว่างประเทศ หรือผู้รับข้อมูลในต่างประเทศนั้นมีมาตรฐานการคุ้มครอง
ข้อมูลส่วนบุคคลที่เพียงพอหรือเพื่อทำให้แน่ใจว่าการส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไปต่างประเทศเป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนด โดยในบางกรณี บริษัทฯ อาจขอความยินยอมของท่านสำหรับการส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไปยังต่างประเทศดังกล่าว

6. ระยะเวลาเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคล

บริษัทฯ จะเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของท่านตามระยะเวลาที่จำเป็นเพื่อบรรลุวัตถุประสงค์ที่กำหนดในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลนั้น ๆ โดยระยะเวลาเก็บรักษา
ข้อมูลส่วนบุคคลจะเปลี่ยนแปลงไปโดยขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ที่กำหนดในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลนั้น ๆ นอกจากนี้ บริษัทฯ จะเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลเป็น
ระยะเวลาตามที่กฎหมายที่เกี่ยวข้องกำหนด (ถ้ามี) โดยคำนึงถึงอายุความตามกฎหมายสำหรับการดำเนินคดีที่อาจเกิดขึ้นจากหรือเกี่ยวข้องกับเอกสารหรือข้อมูล
ส่วนบุคคลที่บริษัทฯ เก็บรวบรวมไว้ในแต่ละรายการ และโดยคำนึงถึงแนวปฏิบัติของบริษัทฯ และของภาคธุรกิจที่เกี่ยวข้องสำหรับข้อมูลส่วนบุคคลแต่ละประเภทเป็น
สำคัญทั้งนี้ บริษัทฯ จะเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเป็นระยะเวลาไม่เกิน 10 ปี นับแต่วันที่นิติสัมพันธ์ระหว่างท่านกับบริษัทฯ สิ้นสุดลง อย่างไรก็ดี บริษัทฯ อาจเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเป็นระยะเวลาเกินกว่าระยะเวลาดังกล่าวหากกฎหมายอนุญาตหรือการเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวจำเป็นต่อการก่อตั้งสิทธิเรียกร้องทางกฎหมายของบริษัทฯหลังจากครบกำหนดระยะเวลาดังกล่าวข้างต้น บริษัทฯ จะลบหรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าว จากการจัดเก็บหรือระบบ
ของบริษัทฯ และของบุคคลอื่นซึ่งให้บริการแก่บริษัทฯ (ถ้ามี) หรือทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวท่านได้ เว้นแต่จะเป็นกรณีที่บริษัทฯ สามารถเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวได้ต่อไปตามที่กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลหรือกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้องกำหนด ทั้งนี้ สำหรับรายละเอียด
เพิ่มเติมเกี่ยวกับระยะเวลาเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ท่านสามารถติดต่อมายังบริษัทฯ ตามรายละเอียดการติดต่อที่ระบุไว้ในข้อ 8 ของประกาศฯ ฉบับนี้

7. สิทธิต่าง ๆ ของท่านเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคล

ในฐานะเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล ท่านมีสิทธิต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลส่วนบุคคลของท่านดังต่อไปนี้ ภายใต้หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขตามกฎหมายว่าด้วยการ
คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ทั้งนี้ หากท่านประสงค์ที่จะขอใช้สิทธิของท่าน ท่านสามารถติดต่อมายังบริษัทฯ ตามรายละเอียดการติดต่อในข้อ 8 ของประกาศฯ ฉบับนี้

7.1 สิทธิในการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคล ท่านมีสิทธิในการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลของท่านและขอให้บริษัทฯ ทำสำเนาข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวให้แก่ท่าน ทั้งนี้ ตามที่กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนด

7.2 สิทธิในการโอนย้ายข้อมูลส่วนบุคคล ท่านมีสิทธิที่จะขอรับข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับท่าน รวมถึงมีสิทธิขอให้ส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไปยังผู้ควบคุม
ข้อมูลส่วนบุคคลรายอื่น หรือตัวท่านเอง เว้นแต่โดยสภาพไม่สามารถทำได้ ทั้งนี้ ตามที่กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนด

7.3 สิทธิในการคัดค้านการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล ท่านมีสิทธิขอคัดค้านการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านได้ในกรณีที่กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครอง
ข้อมูลส่วนบุคคลกำหนด

7.4 สิทธิในการลบข้อมูลส่วนบุคคล ท่านอาจขอให้บริษัทฯ ลบทำลายหรือทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวบุคคลได้ในกรณีที่กฎหมายว่า
ด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนด

7.5 สิทธิในการระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคล ท่านมีสิทธิขอให้บริษัทฯ ระงับการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านในกรณีที่กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูล
ส่วนบุคคลกำหนด

7.6 สิทธิในการแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลให้ถูกต้อง ท่านมีสิทธิขอแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้ถูกต้อง หากข้อมูลส่วนบุคคลของท่านนั้นไม่ถูกต้อง ไม่เป็นปัจจุบัน ไม่ครบถ้วนสมบูรณ์ หรือก่อให้เกิดความเข้าใจผิด

7.7 สิทธิที่จะเพิกถอนความยินยอม ในกรณีที่บริษัทฯ อาศัยความยินยอมของท่านในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลฯ ของท่าน ท่านมีสิทธิในการเพิกถอนความ
ยินยอมในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่ท่านได้ให้ความยินยอมกับบริษัทฯ ได้

7.8 สิทธิในการยื่นข้อร้องเรียน หากท่านมีความกังวลหรือมีข้อสงสัยเกี่ยวกับแนวทางการปฏิบัติของบริษัทฯ เกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน โปรดติดต่อบริษัทฯ โดยใช้รายละเอียดการติดต่อตามข้อ 8 ของประกาศฯ ฉบับนี้ ทั้งนี้ ในกรณีที่มีเหตุให้เชื่อได้ว่าบริษัทฯ ได้ทำการฝ่าฝืนกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ท่านมีสิทธิยื่นข้อร้องเรียนต่อคณะกรรมการผู้เชี่ยวชาญที่ได้รับการแต่งตั้งโดยคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลตามระเบียบและวิธีการตามที่กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนด ทั้งนี้ บริษัทฯ ขอสงวนสิทธิในการพิจารณาคำร้องขอใช้สิทธิของท่านและดำเนินการตามที่กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูล
ส่วนบุคคลกำหนด

8. วิธีการติดต่อบริษัทฯ

บริษัทฯ ได้มอบหมายให้ แผนกบุคคล เป็นผู้ประสานงานเกี่ยวกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของบริษัทฯ ในกรณีที่ท่านมีข้อสงสัยใด ๆ หรือต้องการใช้สิทธิของ
ท่านตามที่กำหนดไว้ในประกาศฯ นี้ ท่านสามารถติดต่อบริษัทฯ ผ่านช่องทาง ดังนี้
เจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Data Protection Officer)
อีเมล:
hr@chamniseye.com
สถานที่ติดต่อ:
บริษัท ตาชำนิ จำกัด (มหาชน) 
เลขที่ 311  เสรี 6  แขวงสวนหลวง เขตสวนหลวง กรุงเทพฯ 10250

9. การเปลี่ยนแปลงประกาศฯ ฉบับนี้

บริษัทฯ อาจทำการเปลี่ยนแปลงประกาศฯ ฉบับนี้เป็นครั้งคราว เพื่อให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงใด ๆ ที่เกี่ยวกับการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน และ
ตามที่กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลหรือกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้องกำหนด โดยบริษัทฯ จะแจ้งให้ท่านทราบถึงการแก้ไขเปลี่ยนแปลงประกาศฯ ที่สำคัญ
ใด ๆ พร้อมกับประกาศฯ ฉบับปรับปรุง ผ่านช่องทางที่เหมาะสม ทั้งนี้ บริษัทฯ ขอแนะนำให้ท่านตรวจสอบการเปลี่ยนแปลงประกาศฯ ฉบับนี้เป็นระยะ ๆ ให้ประกาศฯ
ฉบับนี้มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน 2565

นโยบายการใช้คุกกี้ (Cookie)

เมื่อท่านเข้าสู้เว็บไซต์และแอปพลิเคชันของบริษัท ตาชำนิ จำกัด (มหาชน) และบริษัทกลุ่ม (“กลุ่มบริษัทฯ”) ข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการเข้าสู่เว็บไซต์ของท่านจะถูกเก็บไว้ใน
รูปแบบของคุกกี้ เพื่อนำมาวิเคราะห์ ปรับปรุง และพัฒนาเว็บไซต์ของบริษัทฯ ให้ท่านได้รับข้อมูล และบริการที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น ในการนี้ กลุ่มบริษัทฯ จึงขอแจ้งให้
ผู้ใช้งานทราบถึงรูปแบบและลักษณะ การใช้งานคุกกี้ของกลุ่มบริษัทฯ ดังต่อไปนี้

คุกกี้ หมายถึง

ไฟล์ข้อความ ข้อมูลคอมพิวเตอร์ขนาดเล็ก (text file) ที่จะถูกติดตั้ง หรือบันทึกลงบนคอมพิวเตอร์ หรืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ของผู้ใช้งาน และเมื่อผู้ใช้งานเข้าสู่
เว็บไซต์ คุกกี้จะจดจำข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของ ผู้ใช้งาน ทั้งนี้ จะเรียกเทคโนโยลีอื่นที่ทำหน้าที่คล้ายคลึงกันว่าคุกกี้ด้วย ซึ่งคุกกี้มีประโยชน์ในการช่วยให้เว็บไซต์
สามารถจดจำอุปกรณ์ของผู้ใช้งานได้และให้บริการที่เหมาะสมกับผู้ใช้งานมากยิ่งขึ้น โดยคุกกี้จะไม่ก่อให้เกิดอันตรายต่ออุปกรณ์คอมพิวเตอร์และ/หรือ อุปกรณ์
อิเล็กทรอนิกส์ของผู้ใช้งานที่เข้าสู่เว็บไซต์

คุกกี้ที่จำเป็นอย่างยิ่ง

คุกกี้ประเภทนี้มีความสำคัญในการทำให้ผู้ใช้งานสามารถเยี่ยมชมเว็บไซต์ของกลุ่มบริษัทฯ และในการให้บริการและฟังก์ชันต่างๆ บนเว็บไซต์ของกลุ่มบริษัทฯ หากไม่มี
คุกกี้ประเภทนี้ เว็บไซต์ของกลุ่มบริษัทฯ หรือบางฟังก์ชันบนเว็บไซต์อาจจะไม่สามารถทำงานได้ตามปกติ รวมทั้งผู้ใช้งานจะไม่สามารถใช้บริการบางอย่างตามที่ร้องขอ
บนเว็บไซต์ของกลุ่มบริษัทฯ ได้ โดยคุกกี้จะบอกให้กลุ่มบริษัทฯ ทราบว่าผู้ใช้งานเข้าใช้งานส่วนใดในเว็บไซต์ของกลุ่มบริษัทฯ เพื่อที่กลุ่มบริษัทฯจะสามารถให้บริการ
ข้อมูลได้ตรงกับความต้องการของผู้ใช้งานได้ นอกจากนี้ การบันทึกการตั้งค่าแรกของเว็บไซต์ด้วยคุกกี้จะช่วยให้ผู้ใช้งานเข้าถึงข้อมูลในเว็บไซต์ด้วยค่าที่ตั้งไว้ทุกครั้ง
ที่ใช้งาน ยกเว้นในกรณีที่คุกกี้ถูกลบ ซึ่งจะทำให้การตั้งค่าทุกอย่างกลับไปที่ค่า เริ่มต้นใหม่

คุกกี้ที่เก็บข้อมูลการใช้งาน

คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บรวบรวมข้อมูลการใช้งานของผู้ใช้งานบนเว็บไซต์ของกลุ่มบริษัทฯ เช่น เว็บเพจที่ผู้ใช้งานเข้าชม จดจำสิ่งที่ผู้ใช้งานชื่นชอบ และพัฒนาประสบการณ์
ใช้งานของผู้ใช้เว็บไซต์ คุกกี้ประเภทนี้จะช่วยให้เว็บไซต์ของกลุ่มบริษัทฯ จดจำข้อมูลหรือตัวเลือกที่ผู้ใช้งานได้กำหนดไว้แล้ว เช่น ชื่อผู้เข้าใช้ ภาษา หรือภูมิภาคที่คุณ
อาศัยอยู่ ทั้งนี้ คุกกี้ประเภทนี้จะไม่เก็บรวบรวมข้อมูลใดๆ ที่สามารถระบุตัวตนของผู้ใช้งานได้ แต่จะอยู่ในลักษณะข้อมูลแบบรวบรวมและไม่สามารถระบุตัวตนได้ ทั้งนี้ กลุ่มบริษัทฯ จะใช้คุกกี้ประเภทนี้เพื่อเข้าใจถึงวิธีการที่ผู้ใช้งานต้องการใช้งานบนเว็บไซต์ของกลุ่มบริษัทฯมากยิ่งขึ้นและเพื่อพัฒนาการทำงานของเว็บไซต์ของกลุ่ม
บริษัทฯและเพิ่มประสิทธิภาพในการให้บริการของกลุ่มบริษัทฯ ข้อมูลที่กลุ่มบริษัทฯ เก็บรวบรวมโดยการใช้งานคุกกี้ เมื่อผู้ใช้งานตกลงยินยอมและรับทราบว่าคุกกี้ของ
เว็บไซต์ของกลุ่มบริษัทฯ จะทำการเก็บรวบรวมข้อมูล และข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้งาน อัตโนมัติ นอกจากนี้กลุ่มบริษัทฯ จะไม่นำหมายเลขไอพีแอดเดรส (IP Address) หรือข้อมูลที่กลุ่มบริษัทฯ เก็บรวมรวมข้างต้นไปเชื่อมโยงหรือใช้ในลักษณะที่จะสามารถระบุตัวตนของผู้ใช้งานได้ เว้นแต่กรณีที่กฎหมากำหนด หรือเพื่อประโยชน์ในการ
ประกอบกิจการของกลุ่มบริษัทฯ หรือเพื่อผลประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย ของกลุ่มบริษัทฯทั้งนี้ กลุ่มบริษัทฯ จะใช้งานคุกกี้ภายใต้รายละเอียดที่ระบุในนโยบาย
การจัดการข้อมูลส่วนบุคคล (Privacy Policy) ของกลุ่มบริษัทฯ ซึ่งผู้ใช้งานสามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้จาก “นโยบายสิทธิส่วนบุคคล ของกลุ่มบริษัทฯ”

การลบ/หรือปิดกั้นการทำงานของคุกกี้

การที่ผู้ใช้งานเยี่ยมชมและใช้บริการเว็บไซต์ของกลุ่มบริษัทฯ ถือว่าผู้ใช้งานได้ตกลงและให้ความยินยอมสำหรับการใช้คุกกี้ของกลุ่มบริษัทฯ ตามที่ระบุในนโยบาย
เกี่ยวกับการใช้งานคุกกี้นี้ ทั้งนี้ หากผู้ใช้งานไม่ประสงค์ที่จะให้เว็บไซต์ของกลุ่มบริษัทฯ ใช้คุกกี้ ผู้ใช้งานสามารถลบและ/หรือปิดกั้นการทำงานของคุกกี้จากเว็บไซต์ของ
บริษัทของกลุ่มบริษัทฯ หรือจัดการตั้งค่าคุกกี้แต่ละประเภทได้โดยการตั้งค่าเว็บบราวเซอร์ (Browser) ของผู้ใช้งานอย่างไรก็ตาม แม้ผู้ใช้งานจะปฏิเสธการใช้งาน
คุกกี้ แต่ผู้ใช้งานก็ยังคงสามารถเข้าเยี่ยมชมเว็บไซต์ ของกลุ่มบริษัทฯ ได้ อนึ่ง กลุ่มบริษัทฯ ขอเรียนว่าการจำกัดการใช้งานคุกกี้ของกลุ่มบริษัทฯ อาจส่งผลให้ผู้ใช้งาน
ไม่สามารถใช้บริการบางประเภทบนเว็บไซต์ของกลุ่มบริษัทฯ หรือได้รับประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ที่ไม่สมบูรณ์

การแก้ไขนโยบายเกี่ยวกับการใช้งานคุกกี้

กลุ่มบริษัทฯ สงวนสิทธิที่จะปรับปรุงหรือแก้ไขนโยบายเกี่ยวกับการใช้งานคุกกี้นี้ในภายหลังตามที่กลุ่มบริษัทฯ เห็นสมควร ดังนั้น ผู้ใช้งานจึงควรหมั่นตรวจสอบ
นโยบายนี้เป็นระยะๆ เพื่อประโยชน์ของผู้ใช้งาน

ติดต่อสอบถาม

หากมีข้อสงสัยเกี่ยวกับการใช้งานคุกกี้หรือนโยบายเกี่ยวกับการใช้งานคุกกี้ของกลุ่มบริษัทฯ ผู้ใช้งานสามารถติดต่อเจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของกลุ่มบริษัทฯ
ได้ที่อีเมล hr@chamniseye.com